ความผิดพลาดในการลงทุนส่วนใหญ่ มันมักจะมาจากเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล และวันนี้ผมพูดถึง 6 ข้อหลักๆที่พวกเรามักจะพลาดกันครับ ซึ่งแน่นอนตัวผมเองก็เคยมีพลาดบางข้อมาเหมือนกัน
-
ตื่นเต้นกระโดดเข้าไปซื้อช่วงหุ้นขาขึ้น แล้วต้องตัดขาดทุนเมื่อหุ้นกลับเป็นขาลง
ส่วนใหญ่ก็รู้ตัวกันนะว่าหุ้นที่ขึ้นมาเยอะๆมันไม่มีทางขึ้นไปได้ตลอดไป แต่หลายคนก็บอกว่ามันน่าตื่นเต้น อดไม่ได้น่าซื้อเสียเหลือเกิน ก็เลยเผลอซื้อมาแพง
-
ตั้งเป้าการลงทุนระยะยาว แต่ขายหุ้นทำกำไรระยะสั้น
มักจะเกิดเวลาเราซื้อหุ้นที่ดีมาได้ในราคาถูก ตอนแรกส่วนใหญ่จะตั้งใจถือยาวหน่อยให้กำไรเติบโตตามกิจการไป แต่พอเห็นกำไรขึ้นมา 20% ละ บางครั้งเราขายไปโดยมักจะอ้างว่าวันข้างหน้าจะกำไรหรือเปล่าไม่รู้ ขายทำกำไรไว้ก่อนดีกว่า ปรากฎสุดท้ายพลาดกำไร 1-2 เท่าตัวแค่เพราะคุมสติไม่อยู่
-
ยึดติดกับอดีต
อันนี้มักจะเกิดหลังจากทำกำไรดีมากไปทีนึง หรือไม่ก็ทำแย่มากไป มันทำให้เราเกิดอาการบ้าบิ่นเพราะมั่นใจเกินเลยประมาท หรือไม่ทำแย่มากก็ทำให้เราระวังหรืออคติกับหุ้นเกินเหตุ อย่ายึดติดกับว่าที่ผ่านมาทำได้ดีหรือทำได้แย่เพราะมันไม่เกี่ยวแล้ว เราควรมองไปในอนาคต และให้ความสำคัญกับการตัดสินใจในวันนี้ให้มีประสิทธิภาพ
-
ปล่อยเงินลงทุนทิ้งไว้โดยไม่ดูนานไป
อันนี้มักจะเกิดกับหุ้นที่เรากำไรอยู่ คือตั้งใจจะถือยาวก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องสนใจเลย โดยปกติก็ควรจะกลับมาพิจารณาติดตามผลประกอบการบ้างซักครึ่งปีครั้ง ดูว่าทำได้ดีตามที่คาดทั้ย ดูว่ามีคู่แข่งใหม่ๆหรือสถานการณ์เปลี่ยนไปหรือเปล่า
-
โดนราคาขึ้นลงในแต่ละวันทำให้เขว ลืมมองภาพรวม
อันนี้มักจะเกิดกับหุ้นที่เราเพิ่งซื้อมา มันจะมีอาการอยากเช็คราคาหุ้นค่อนข้างถี่ แล้วพอเช็คราคาเกิดมันมีหุ้นตกรุนแรงหรือขึ้นรุนแรง ซึ่งโอเคแหละดูแล้วอาจจะน่าตกใจ แต่อย่าเผลอไปซื้อขายบ่อยๆ นึกเอาไว้ว่าทำไมเราซื้อหุ้นนี้ตั้งแต่แรก มองภาพรวมไว้อย่าให้หลุด
-
ตื้นเต้นกับโอกาสใหม่ๆจนเกินไป
อันนี้มักจะเกิดเวลาเราซื้อหุ้นในโอกาสที่ดีมาละ แต่แล้วไปเจอโอกาสอีกอันที่ดูดีเหมือนกัน มันจะเกิดความรู้สึกเสียดาย ลังเลไม่รู้ว่าควรขายหุ้นที่ซื้อมาไปซื้ออันใหม่ดีมั้ย ซึ่งเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะตัดใจบ้าง อย่าลืมว่าเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อทุกโอกาสที่ดีในโลกเราก็รวยได้
6 ข้อนี้เป็นความผิดพลาดทางอารมณ์ที่พบบ่อยที่สุดละครับ อย่างตัวผมเองนี่ข้อ 4 กับข้อ 6 นี่บ่อยเลย ปัจจุบันก็ยังมีเป็นนะ ข้อ 4 แต่ก่อนเป็นเยอะเดี๋ยวนี้น้อยลง พอเห็นว่าหุ้นที่ซื้อมากำไรก็เลยละเลยไปมัวแต่หาโอกาสอื่นเพิ่มอย่างเดียว จนบางทีก็ต้องยอมรับว่าขายช้าไปกำไรไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนข้อ 6 นี่เป็นเยอะเลยแหละ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบศึกษาหุ้นใหม่ๆชอบอ่านชอบค้นหา เลยมีหุ้นอยากซื้อเยอะแยะเต็มไปหมด แนวรักพี่เสียดายน้องน่ะครับ แล้วพวกเราคนอื่นล่ะเป็นยังไงบ้าง
Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.