ปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ในอดีตปัญหาสำหรับนักลงทุนมักจะมาจากการขาดข้อมูลหาข้อมูลไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ปัญหามักจะมาจากข้อมูลเยอะเกินไป เยอะจนแยกไม่ออกว่าข้อมูลเรื่องไหนสำคัญเรื่องไหนไม่สำคัญ ผมก็ไม่รู้ว่าปกติคนอื่นเขาทำยังไงกัน แต่ผมพูดถึงวิธีการที่ผมใช้แยกแยะเรื่องสำคัญออกจากไร้สาระครับ สมมติว่าข่าวเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ตลาดหุ้นจีนตกรุนแรงตอนปี 2015 ละกัน และสมมติว่าหุ้นที่ผมสนใจอยู่เป็น HMPRO ซึ่งในช่วงเวลานั้นราคาตกเอาๆ
-
ส่งผลต่อบริษัททางตรงมั้ย หรือเป็นทางอ้อม
HMPRO ได้รับผลกระทบทางตรงจากเศรษฐกิจจีนมั้ย ผมก็นึกไม่ออก เพราะ HMPRO ไม่ได้ขายสินค้าในเมืองจีน และแน่นอนคนจีนก็คงไม่มาหาซื้อโถสุขภัณฑ์แบกกลับไปเมืองจีนแน่นอน
เท่าที่เห็นก็ดูจะเป็นทางอ้อม เศรษฐกิจจีนไม่ดี ส่งออกของไทยก็จะกระทบกำไรน้อยลง ผู้ประกอบการกำไรน้อยลงทำให้ลดคนงาน ทำให้คนมีกำลังซื้อน้อยลง กำลังซื้อน้อยลงทำให้คนอาจจะตกแต่งต่อเติมบ้านน้อยลง ซื้อบ้านใหม่คอนโดใหม่น้อยลง เลยกระทบกับ HMPRO
-
ถ้าเป็นผลกระทบทางอ้อม ต้องถามว่าอ้อมไกลมั้ย
เท่าที่ดูโคตรไกล คือประมาณว่าถ้าจะอ้อมเอาให้มีผลกระทบให้ได้ ต้องอ้อมเป็นทอดกันยาวมาก
-
ผลกระทบรุนแรงมั้ย
สมมติว่าเศรษฐกิจจีนทำให้คนไทยกำลังซื้อน้อยลง แปลว่าค่าใช้จ่ายพวกต่อเติมบ้านที่ไม่จำเป็นก็น่าจะน้อยลง แต่ถึงอย่างไรพวกการซ่อมแซมต่างๆในที่อยู่อาศัยก็ยังต้องมี ถ้าหลังคารั่ว ประตูล็อคพัง ก๊อกน้ำรั่ว ยังไงมันต้องซ่อมอยู่แล้ว ดังนั้นผลกระทบก็ไม่น่าจะรุนแรง
-
เหตุการณ์นี้จะอยู่ถาวรเลยมั้ย
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนกับตลาดหุ้นจีนที่ตกรุนแรง มันเป็นตกต่ำแย่ลงเรื่อยๆถาวรเลยหรือไม่ เท่าที่ดูภาคธุรกิจที่จะโดนเยอะเป็นเรื่องของการผลิตเกินความต้องการ แปลว่าก็จะมีธุรกิจที่เจ๊งไปบ้างแน่นอน แต่หลังจากนั้นซักระยะก็ควรจะกลับเข้าสู่ปกติได้ ประเทศจีนไม่น่าจะล่มสลายไปด้วยเรื่องแค่นี้ ดังนั้นไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์ถาวร
ดังนั้นโดยสรุป เรื่องนี้จะส่งผลก็ต้องทางอ้อมมาก ซึ่งเราตีความไปเองนะว่ามันจะเศรษฐกิจจีนมันจะมีผลถึง HMPRO เอาเข้าจริงอาจจะไม่กระทบ และสมมติว่ากระทบก็ไม่น่าเป็นสาระสำคัญ บวกกับว่าดูแล้วเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ดังนั้นสรุปได้ว่าตัวอย่างนี้เป็นเรื่องไม่มีสาระสำคัญ เราควรเห็นเป็นโอกาสด้วยซ้ำถ้าหุ้น HMPRO ตกเยอะๆ
Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.