อันนี้เป็นคำถามที่ผมก็เจอบ่อยเหมือนกัน มีหลายแบบครับไม่ได้จบบัญชีมา เคยลงทุนแล้วขาดทุน ไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อน ไม่ชอบตัวเลข ฯลฯ แล้วจะเป็นนักลงทุนที่ดีได้มั้ย ส่วนตัวผมว่าอันนี้เป็นคำถามที่สำคัญมากครับ คือผมเข้าใจความรู้สึกดีเลยแหละ ผมเองก็เคยถามอะไรแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยเข้าใจดีว่าก่อนที่คนๆหนึ่งจะเริ่มลงมือปฏิบัติฝึกฝน หรือเรียนรู้เรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันต้องเริ่มมาจากความเชื่อพื้นฐานว่าเรื่องนั้นๆตัวเราสามารถทำได้ก่อน เพราะถ้าเรายังไม่เชื่อว่าตัวเราจะสามารถทำมันได้นี่ ไม่ต้องไปพูดถึงเทคนิคหรือวิธีการอะไรทั้งนั้นแหละครับ คือทุกอย่างมันดูห่างไกล มันดูเป็นไปไม่ได้มันฟังดูยากเย็นไปหมด ดังนั้นประเด็นสำคัญที่เราจะคุยกันในบทนี้คือ แล้วการจะเป็นนักลงทุนที่ดีนี่มันต้องเป็นยังไง คือเราต้องจบด้านนี้มาเหรอ ต้องพื้นฐานเป็นคนเก่งเลขหรือเปล่า หรือต้องฉลาดเฉลียวเป็นพิเศษหรือไม่
วันนี้ผมอยากจะตอบโดยนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจอันนึงมาเล่าให้ฟังครับ ผมเอามาจากหนังสือแนะนำสำหรับนักลงทุนทุกท่านซึ่งผมว่าหลายท่านน่าจะเคยได้ยิน The Intelligent Investor ครับ เขียนโดย Benjamin Graham ซึ่งเป็นอจ.ของ Warren Buffett ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ส่วนที่ผมเอามาเล่านี่จะเป็นส่วนสั้นๆตรง commentary on the introduction คอมเม้นท์ที่เขียนโดย Jason Zweig ครับ
คุณเบนจามินเค้าเขียนไว้ตั้งแต่หนังสือ intelligent investor ฉบับแรกเลยครับว่า คำว่า intelligent ในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความฉลาดในเรื่อง IQ หรือคะแนนสอบใดๆทั้งสิ้น เค้ากำลังหมายถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง, ความใจเย็นมีสติ, ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และความกล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดครับ เค้าบอกว่า “มันเป็นเรื่องของนิสัยของบุคคล ไม่ได้เกียวกับสมอง”
ตัวอย่างเช่น ในอดีตเคยมีกองทุนชือ่ Long-Term Capital Management ก่อตั้งโดยคนที่เป็นอดีตนักค้าตราสารหนี้จากบริษัทขนาดใหญ่, มีคณะกรรมการบอร์ดผู้บริหารเป็นนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลถึงสองคน และมีนักคณิตศาสตร์ทำงานให้อีกเป็นจำนวนมาก ตอนแรกทำได้ดีครับ แต่สุดท้ายเจ๊งเสียเงินไปมากกว่า 2 พันล้านเหรียญ เลิกกิจการไป เพราะเปลี่ยนวิธีลงทุนไปพยายามทำนายตลาด
อีกตัวอย่างครับ อันนี้ชัดเจนกว่า เซอร์ไอแซคนิวตัน นักวิทยาศาสตร์ท่านที่คิดกฎแรงโน้มถ่วงของโลกโดยได้แรงบันดาลใจจากการดูแอปเปิ้ลหล่นน่ะครับ เมื่อช่วงปีคศ. 1720 เค้ามีหุ้นบริษัท South Sea Company ซึ่งได้รับความนิยมในตอนนั้น พอเค้ารู้สึกว่าราคาเริ่มสูงเกินไปเค้าพูดว่า เขาสามารถคำนวนการเคลื่อนที่ของดวงดาวบนท้องฟ้าได้ แต่เขาไม่สามารถคำนวนความบ้าคลั่งของผู้คนได้ เค้าเลยขายหุ้นทั้งหมดไป ได้กำไร 100% ทีเดียวคิดเป็นเงินประมาณ 7,000 ปอนด์ แต่ไม่กี่เดือนต่อมาราคาหุ้นสูงขึ้นไปเรื่อย ตลาดตื่นเต้นกับหุ้นตัวนี้มาก นิวตันเลยกระโดดกลับเข้าไปซื้อใหม่ในราคาที่สูงกว่าเดิมมาก และสุดท้ายเสียเงินไป 20,000 ปอนด์ ซึ่งถ้าคิดแปลงเป็นเงินในปัจจุบันจะเป็นเงินมากกว่า 3,000,000 เหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นตลอดชีวิตนิวตันห้ามไม่ให้ใครพูดคำว่า “South Sea” ให้เขาได้ยิน
อย่างเซอร์ไอแซคนิวตันนี่ถือเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นตามความหมายของเบนจามิน เกรแฮมนิวตันถือว่าห่างไกลกับคำว่า Intelligent investor หรือนักลงทุนที่ชาญฉลาด นิวตันปล่อยให้ความตื่นเต้นและอารมณ์ของคนในตลาดลบความเชื่อของตัวเองในตอนต้น และตัดสินใจแบบโง่ๆ
ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องเป็นกังวลไป การเป็นนักลงทุนที่ดีไม่ต้องฉลาดขั้นเทพก็ได้ครับ และฉลาดขั้นเทพก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นนักลงทุนที่ดีเสมอไป คนที่เคยลงทุนแล้วขาดทุนมาก่อนก็ไม่ได้แปลว่าคุณโง่นะ คุณอาจจะยังเรียนรู้ไม่พอเท่านั้น สุดท้ายคุณต้องมีสองอย่างหลักๆครับ นั่นคือความกระตือรือร้นในการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง และความสามารถในการควบคุมสติไม่เมาไปกับตลาดครับ ว่าแล้วก็อย่าคิดมากตัดสินใจเรียนรู้จริงจังดีกว่าครับ
Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.