นักลงทุนสายพวกเราก็รู้กันอยู่ว่าชอบหุ้นตกรุนแรง ช่วงปี 2017 นี้ดูมีแววเหมือนกัน ผมนำเสนอยุโรปครับ เราจะพูดถึงว่าทำไมยุโรปถึงน่าจับตามองปีนี้กัน
-
เรื่องการเมือง
หลักๆปีนี้เป็นเรื่องการเมือง ปีที่แล้วอังกฤษมีการโหวตคะแนนเสียงคนทั้งประเทศ และได้ข้อสรุปว่าจะออกจากสหภาพยุโรป ช่วงนี้นายกรัฐมนตรี Theresa May จะมีเวลา 2 ปีในการจัดการเรื่องต่างๆเตรียมสำหรับการแยกตัวออกจากสหภาพ ช่วงที่ผ่านมานี้เศรษฐกิจของอังกฤษก็ไม่ได้ดูมีปัญหาหรืออะไร แต่ต่อจากนี้ก็ไม่แน่เพราะยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากว่าแยกตัวออกมาแล้วจะเป็นยังไง
ช่วงมีนาคมนี้ประเทศเนเธอร์แลนด็ก็กำลังจะมีการเลือกตั้ง แล้วเดี๋ยวก็จะตามมาด้วยการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสช่วงปลายเมษายน และช่วงกันยายนก็จะมีเลือกตั้งผู้นำของเยอรมนีอีก
ความสำคัญของการเลือกตั้งคือเราจะได้รู้ว่าประชาชนของประเทศเหล่านี้ยังสนับสนุนการอยู่ในสหภาพยุโรปอยู่หรือเปล่า เพราะช่วงหลังมาก็เริ่มมีพรรคการเมืองในหลายประเทศที่เริ่มออกมาหาเสียงไปในทิศทางที่จะออกจากสหภาพยุโรปเหมือนอังกฤษ ดังนั้นถ้าฝ่ายพรรคที่ไม่สนับสนุนสหภาพยุโรปเลือกตั้งชนะ ก็อาจจะเริ่มเห็นประเทศอื่นแยกตัวออกไปเหมือนอังกฤษก็เป็นไปได้
-
เศรษฐกิจโดยรวมดูดีขึ้น
ยุโรปโดยรวมดูดีขึ้น เยอรมนีดูดีกว่าเพื่อน อัตราการจ้างงานดูดี บริษัทอังกฤษก็มีคาดการณ์กำไรสูงขึ้น ค่าเงินยูโรและปอนด์ที่อ่อนตัวลงก็น่าจะทำให้การส่งออกดีขึ้น
-
นักลงทุนดูจะมองแง่ร้ายเพิ่มขึ้น
แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะดูดีขึ้น และ Brexit ก็ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายอะไร แต่ตัวเลขเงินทุนไหลออกจากกองทุนหุ้นในยุโรปสูงขึ้นชัดเจน ซึ่งน่าจะมาจากความกลัวความไม่แน่นอนของประเทศแถบนี้ช่วงนี้ ผลคือทำให้หุ้นในแถบยุโรปน่าสนใจมากขึ้นเยอะเลย
โดยภาพรวม MSCI Europe Index (ดัชนีภาพรวมที่รวมดัชนีตลาดหุ้นในยุโรป) อัตราส่วน P/E อยู่ที่ 14.5 เท่า และโดยเฉลี่ยกำไรเติบโตอยู่ที่หลักสิบต้นๆเปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ S&P 500 Index (ดัชนีหุ้นในอเมริกา) อัตราส่วน P/E อยู่ที่ 17 เท่า และโดยเฉลี่ยกำไรเติบโตอยู่ที่หลักหน่วยปลายๆเปอร์เซนต์ จะเห็นชัดเจนว่าหุ้นยุโรปถูกกว่าทั้งที่อัตราการเติบโตดีกว่า หุ้นยุโรปช่วงนี้ไม่ได้รับความนิยมน่ะครับ
สรุปว่า นักลงทุนที่อยู่โหมดมองแง่ร้ายมันจะตกใจง่ายกว่าปกติ บวกกับความที่อาจมีเรื่องนู่นนี่นั่นทางการเมืองตามมาในปีนี้ เลยทำให้ปีนี้ตลาดยุโรปอาจจะมีตกได้ กลายเป็นที่น่าสนใจสำหรับพวกเราไปครับ