หมวดนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคำถามเจาะจงอะไรมาก หัวข้อนี้โดยรวมจะเกี่ยวกับการจัดการหุ้นที่ซื้อไปแล้ว ผมรวบรวมมาตอบทีเดียวในวันนี้
คำถาม เราต้องเช็คพอร์ตด้วยเหรอ
ใช่ ถึงแม้ว่าผมจะบอกว่าเวลาตัดสินใจลงทุน ให้เลือกบริษัทที่เราสบายใจจะเป็นเจ้าของมันยาวไปในอนาคต แต่ก็ไม่ได้แปลว่าซื้อเสร็จปุ๊บนอนตายตาหลับไม่ดูไรเลยได้
สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงได้ กิจการที่วันนี้เราคาดว่าจะทำได้ยอดเยี่ยมในอนาคต ถึงเวลาอาจจะทำได้แย่กว่าที่คาดก็ได้ จริงอยู่ยอดขายที่แกว่งดีบ้างไม่ดีบ้างมันก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจ เราอาจไม่ต้องแตกตื่นตกใจอะไรมากมายนัก แต่ก็สมควรติดตามดูอยู่เป็นระยะอยู่ดี เผื่อว่ามันอาจมีอะไรเข้ามาทำให้แนวโน้มระยะยาวเปลี่ยนไป
คำถาม เราต้องคอยเช็คพอร์ตบ่อยแค่ไหน
จริงๆมันก็แล้วแต่คน แต่ผมว่าไตรมาสละครั้งกำลังดี ทำตอนช่วงงบไตรมาสออกเนี่ยแหละ
ถ้ามันจะบ่อยกว่านั้น ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เพราะบริษัทนึงมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทุกวันหรือทุกอาทิตย์ ไม่ใช่ว่าอาทิตย์นี้บริษัทดีมากเลย อีกอาทิตย์นึงมันจะกลายเป็นแย่มากเลย อีกอย่างข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนก็ออกเป็นไตรมาสด้วย ดังนั้นจะนั่งดูมันถี่กว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะมันไม่มีอะไรให้ดูน่ะครับ อย่างมากก็แค่ดูราคาหุ้นที่เราถืออยู่ ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ แถมอาจทำให้เราใจร้อนควบคุมสติยากขึ้นด้วย
แต่ถ้ามันจะขี้เกียจเกินไปก็ไม่ดี ถ้าขี้เกียจมากอย่างน้อยก็ควรจะต้องปีละครั้ง
คำถาม ที่บอกเช็คพอร์ตนี่คือหมายถึงทำอะไรกันแน่
ประเด็นคือเช็คผลการทำงานของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่น่ะครับ เอาง่ายๆลองทำตามนี้
- จดชื่อบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ทั้งหมดออกมา
- หาโหลดงบการเงินรายไตรมาสของทุกบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ เอาไตรมาสล่าสุด
- หาจากเวปของบริษัทที่เราสนใจก็ได้ จะอยู่ในหน้า “นักลงทุนสัมพันธ์”
- หรือหาจากเวปของกลต.ก็ได้ sec.or.th
- อ่านดูซิว่าทำได้ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
คำถาม ถ้าดูแล้วผลประกอบการแย่ลง จะทำอย่างไร
อย่างแรกคือใจเย็นๆ อย่าตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์เด็ดขาด ค่อยๆนึก อย่าลืมว่าธุรกิจมันก็มีขึ้นมีลงแหละ ดังนั้นปกติแล้วผลประกอบการแค่ปีเดียวหรือไตรมาสเดียว หลายๆครั้งมันไม่ได้มีสาระสำคัญกับธุรกิจในระยะยาว แต่ผลประกอบการที่แย่ลงก็สมควรที่เราจะต้องพิจารณา ลองทำเป็นขั้นตอนตามนี้
- ผลประกอบการแย่ลง ราคาหุ้นเป็นอย่างไร
- ราคาสูงขึ้น อย่างนี้อาจจะเรียกว่าโชคดี จะขายก็ได้ถ้าไม่สบายใจ แต่แนะนำให้พิจารณาในรายละเอียดก่อน
- ราคาต่ำลง อันนี้กรณีปกติ มันก็ควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
- แย่ลงจากตรงส่วนไหน ดูในงบการเงินก่อน คือมันมาจากยอดขายที่ขายได้น้อยลงเหรอ หรือมันมาจากต้นทุนของที่ขายสูงขึ้น หรือเป็นเพราะค่าใช้จ่ายบริหารจัดการสูงขึ้น ดูให้มันแน่ๆว่ามาจากเรื่องอะไร
- พยายามทำความเข้าใจสาเหตุ คือเราอยากจะรู้ว่ามันเกิดจากอะไร เช่น เศรษฐกิจไม่ดีเหรอ เป็นงั้นจริงมั้ย GDP ปีที่แล้วติดลบหรือไง แล้วคู่แข่งประเภทเดียวกันเจอแบบเดียวกันมั้ย
- ตัดสินใจซะ เรามองว่านี่เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ หรือเรามองว่านี่มันเป็นปัญหาระยะยาว
- ถ้าเป็นชั่วคราว งั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ราคาที่ตกลงมาตอนนี้อาจจะนึกดูว่าจะซื้อเพิ่มหรือเปล่าด้วยซ้ำ
- ถ้าดูแล้วระยะยาว อันนี้อาจต้องคิดละ ว่าที่แย่ลงนี่มันจะเลวร้ายขนาดไหน แล้วราคาที่เราซื้อมาล่ะยังถือว่าถูกอยู่มั้ยถ้าสมมติมันแย่ลง
มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่สุดท้ายเราอาจต้องขายหุ้นที่เราซื้อมา อาจต้องขายทั้งที่ขาดทุน แต่ขอให้พิจารณาดูให้แน่ว่ามันเป็นปัญหาระยะยาวจริงจัง และเวลารู้ตัวว่าต้องขายก็ขายซะ อย่ายึดติด หุ้นไม่ใช่ลูก
คำถาม ถ้าดูแล้วผลประกอบการดีขึ้นกว่าที่คาดล่ะ
ก็ดีสิ ดูซิว่าราคาหุ้นตกลงมาหรือเปล่า น่าซื้อเพิ่มอีกมั้ย
แต่ระวังอย่าดีใจเกินเหตุ มันอาจจะฟลุค หรือกำไรเพิ่มขึ้นจากเรื่องชั่วคราวก็ได้
สุดท้ายฝากเรื่องสำคัญที่สุดไว้ว่า ให้มองที่ตัวธุรกิจเป็นหลัก ราคาหุ้นไม่เกี่ยว อย่าให้ราคาหุ้นที่ตกทำให้เรามีอคติแล้วมีผลต่อการตัดสินใจของเราเด็ดขาด