คำถามหมวดนี้มันจะมาได้หลายแบบ โดยปกติคนมักจะอ้างอิงทฤษฎี Efficient Market Hypothesis เพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนตอบคำถามเราปูพื้นฐานเรื่องนี้นิดนึง ไอเดียหลักๆคือ
- มีนักลงทุนจำนวนมาในตลาด ทุกคนฉลาด ขยัน มีเหตุผผล และเข้าถึงข้อมูลพอๆกัน
- ดังนั้นราคาหุ้นในตลาด ก็จะสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่แล้ว ไม่มีราคาที่ต่ำหรือสูงเกินไป เพราะถ้าราคาต่ำเกินไปก็จะมีคนรีบเข้าไปซื้อทำให้ราคาสูงขึ้น หรือถ้ามีราคาสูงเกินไปก็จะมีคนแห่ขายทำให้ราคาตกลงมา
- เพราะราคาตลาดเหมาะสมแล้ว และจะถูกปรับอย่างรวดเร็วเมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามา แปลว่าจะไม่มีใครสามารถทำกำไรโดยอาศัยช่องโหว่ราคาตลาดที่สูงหรือต่ำเกินไปได้
ดังนั้นถ้าตามทฤษฎีนี้ก็คือ เราไม่มีทางหาหุ้นดีราคาถูกได้
คำถาม ราคาตลาดเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว จริงเหรอ
เท่าที่สังเกต ราคาตลาดตอบสนองต่อข้อมูลใหม่อย่างรวดเร็วจริง อันนี้ไม่เถียง แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะถูกต้อง
ยกตัวอย่างฟาร์มเฮ้าส์ (President Bakery) ช่วงปี 2015 ราคาอยู่ 43 บาท ถัดมาหนึ่งปีเป็นช่วง 2016 ราคากลายเป็น 64 บาท ในขณะที่ลักษณะธุรกิจเหมือนเดิม ของที่ขายเหมือนเดิม ผมว่าคนที่บอกว่าราคาตลาดถูกต้องแล้วทั้งสองปีน่าจะยังไม่ค่อยตื่น มันต้องมีอย่างน้อยปีใดปีหนึ่งที่ผิดแน่นอน
คำถาม อย่างนี้แปลว่าทฤษฎีนี้ไม่เป็นจริงหรือเปล่า
ในช่วงเวลาปกติทฤษฎีนี้เป็นจริงแหละครับ แต่ประเด็นคือมันไม่ได้เป็นจริงตลอด
ในความเห็นผมคือ สมมติฐานที่บอกว่าคนเราจะตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผลอยู่ตลอดเวลา อันนี้ไม่จริง เพราะคนไม่ใช่คอมพิวเตอร์ นักลงทุนในตลาดมีความโลภ, กลัว, อิจฉา, ฯลฯ ดังนั้นเวลามีเหตุการณ์ที่ทำให้คนโดยรวมตกใจกลัว ราคาหุ้นก็จะต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้ หรือเวลามีเหตุการณ์อะไรทำให้คนโดยรวมโลภหรือดีใจผิดปกติ ก็ทำให้ราคาหุ้นแพงเว่อร์ไปเลยก็ได้
และดังนั้น การหาหุ้นดีราคาถูก มันก็เลยทำได้จริงไง แต่มันไม่ได้มีอยู่ตลอดเท่านั้นเอง เราต้องเข้าใจว่าโอกาสที่ราคามันจะต่ำผิดปกติ มันมักจะมาตอนคนตกใจกลัวหรือมีอคติมากจนเกินพอดีกับหุ้น ต้องคอยมองหาช่วงเวลาแบบนั้นครับ
คำถาม เหตุการณ์แบบไหนบ้างที่บอกคนตกใจเกินพอดี แล้วเป็นโอกาสที่ดี
อันนี้ตอบยาก เพราะตกใจมันมาได้หลายรูปแบบมาก มีทั้งประเภทว่าตกใจเฉยๆแบบว่าบริษัทนั้นไม่ได้แย่ลง และมีทั้งที่แบบผลประกอบการบริษัทแย่ลงจริงแต่เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เอาเป็นตัวอย่างละกัน
อย่างช่วงตุลาคม 2016 มีข่าวลือว่าในหลวงประชวรหนัก ทำให้หุ้นตกรุนแรงมากในวันเดียว นี่ถือเป็นข่าวร้ายก็จริง แต่นึกดีๆจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจเลย บริษัทก็ไม่ได้ว่าผลประกอบการจะแย่ลง แบบนี้ผมจะเรียกว่าคนตกใจเฉยๆ ไม่มีเหตุอะไรจริงจัง แต่หุ้นตก แล้วซักพักคนก็หายตกใจ ราคาก็กลับมาปกติ คนที่ซื้อช่วงนั้นก็จะกำไรแทบจะแน่นอน
ส่วนเหตุการณ์ชั่วคราว ผมยกตัวอย่างนโยบายรถคันแรกละกัน ปลายปี 2012 มีโครงการรถคันแรกใช่มั้ย พอคนซื้อรถคันแรกได้ถูกลง ก็ทำให้ความต้องการรถมือสองน้อยลง ราคารถมือสองตก หุ้นบริษัท KCAR (Krungthai Car Rent & Lease) ได้รับผลกระทบ กำไรจากการขายรถมือสองก็ลดลงรุนแรง ทำให้ราคาหุ้นก็ตกรุนแรงไปด้วย แต่ถ้าลองนึกดูดีๆ นโยบายนี้ทำให้ตลาดรถมือสองเลวร้ายลงจริง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนี้ไปตลอดนี่ เพราะมันไม่ได้รถคันแรกทุกปีป้ะ เมื่อเวลาผ่านไปผลกระทบมันก็จะหายไป และเมื่อตลาดรถมือสองเริ่มฟื้น บริษัท KCAR ก็จะดีขึ้นตาม
เนี่ยเป็นตัวอย่างส่วนตัว ผมทำกำไรดีทั้งสองครั้งเลย หลักการก็คือเวลาคนตกใจหรือมีอคติกับหุ้นเนี่ยแหละ ยิ่งอคติรุนแรงยิ่งดี
สรุป หุ้นดีราคาถูกหาได้จริงแน่นอน แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน มันจะมาเป็นระยะๆเวลาที่คนตกใจรุนแรง การันตีว่ามันหาได้แน่นอน เพราะที่ผมกำไรดีอยู่ทุกวันนี้ก็ฉวยโอกาสแบบนี้ทั้งนั้นเลย