หัวข้อวันนี้สำหรับคนที่เริ่มลงทุนในต่างประเทศไปแล้วซักพักนึง สองคำนี้บางทีเราจะเห็นต่อท้ายหุ้นบางตัว มักเจอในตลาดอเมริกา, อังกฤษ และเยอรมัน มันแปลว่าอะไรกันแน่และต่างจากหุ้นปกติหรือเปล่า วันนี้เราอธิบายเรื่องนี้กันครับ
ADR = American Depository Receipt
GDR = Global Depository Receipt
หลักการคือ มีสถาบันการเงินที่ไปซื้อหุ้นต่างประเทศมาถือเก็บไว้ในบัญชีตัวเอง แล้วก็ทำการออกใบแสดงสิทธิที่อ้างอิงหุ้นต่างประเทศนั้นมาขายในตลาดหุ้นในประเทศ
ADR หรือ GDR ก็คือไอตัวใบแสดงสิทธินี่แหละ ต่างกันแค่ ADR คือใบแสดงสิทธิที่มาขายในอเมริกา ซื้อขายบนกระดานตลาดหุ้น NYSE (New York Stock Exchange) ส่วน GDR คือขายอยู่ในตลาดหุ้นอื่นๆเช่น
ดังนั้นถ้าเราเห็นคำว่า ADR หรือ GDR หลังชื่อบริษัท หมายความว่าตัวนั้นมันไม่ใช่หุ้นจริงๆ มันเป็น Depository Receipt (ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง) ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือเหมือนกับการถือหุ้นจริงน่ะแหละ เพียงแต่เราไม่ได้ถือหุ้นตรงๆเป็นการถือผ่านสถาบันการเงินที่ออกใบแสดงสิทธินี่แทน
การซื้อขาย ADR กับ GDR ก็เหมือนการซื้อขายหุ้นปกติเนี่ยแหละ เพียงแต่ราคาซื้อขายจะตามสกุลเงินของตลาดที่ ADR กับ GDR ซื้อขาย ไม่ใช่สกุลเงินดั้งเดิมที่ตัวหุ้นนี่จดทะเบียนอยู่
วัตถุประสงค์ของการมีใบแสดงสิทธิ คือทำให้การลงทุนในหุ้นต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้นและราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนรายย่อย เพราะถ้านักลงทุนรายย่อยไปซื้อเอาอาจมีค่าธรรมเนียมนู่นนี่แพง
ตัวอย่างความมีประโยชน์จากประสบการณ์จริง เช่น ผมสนใจบริษัท Magnit PJSC เป็นกลุ่มร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ในรัสเซีย ขายหุ้นในตลาดรัสเซีย ซึ่งอย่างพอร์ตหุ้นต่างประเทศของ SCBS ที่ผมเปิดอยู่จะไปซื้อไม่ได้เพราะเค้าไม่มีติดต่อไว้
สุดท้ายซื้อได้อยู่ดี เพราะ Magnit PJSC มีสถาบันการเงินไปซื้อแล้วออก GDR อยู่ในตลาดหุ้นอังกฤษ London Stock Exchange ซึ่งพอร์ตของ SCBS ซื้อได้
สรุป ADR กับ GDR ก็ไม่มีอะไรหรอก เป็นวิธีการเอาหุ้นในตลาดนึงมาซื้อขายในอีกตลาดนึงเท่านั้นเอง ซื้อได้ครับไม่มีปัญหาอะไร ผมลองดูละ
ปล. แต่ทีนี้ราคา GDR มันจะสะท้อนตามหุ้นจริงแค่ไหนผมก็ยังไม่ทราบเพราะนี่ก็เพิ่งซื้อเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ ไว้ถ้าทราบเพิ่มเติมจะมาเขียนบอกนะ