จะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นแพงไปแล้ว

How To Tell When A Stock Is Overvalued

Is my stock overvalued

มีคนถามหลายทีละ  คำถามฟังดูง่าย  แต่ตอบยากเหมือนกันนะผมว่า  วิธีง่ายมองหยาบเกินไปมันก็จะชุ่ย  แต่วิธีซับซ้อนเกินไปมันก็อธิบายยาก  วันนี้ผมนำเสนอวิธีการที่ผมคิดว่าไม่ยุ่งยากเกินไปจับต้องได้  และเป็นวิธีที่มีเหตุมีผลครับ

อย่างแรกบอกก่อนนิดนึง  ผมเป็นนักลงทุนเชื่อในการมองพื้นฐานกิจการ  ดังนั้นเวลาบอกว่าหุ้นแพงเกินไปมุมมองผมจะแตกต่างจากนักลงทุนทั่วไปในตลาด  แพงเกินไปสำหรับผมไม่ได้แปลว่าหุ้นมันจะต้องราคาตกแน่นอนหรือมันจะแพงขึ้นอีกไม่ได้  คำว่าหุ้นแพงเกินไป  คือแปลว่าผมมองว่าเอาเงินเราไปลงทุนกับอย่างอื่นน่าจะดีกว่า  ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการถือหุ้นนั้นอาจจะน้อยเกินไปจนไม่คุ้มที่จะถือเท่านั้นเอง

โอเค  ทีนี้มาเข้าทฤษฎีปูพื้นฐานละ  ขอให้เข้าใจก่อนเลยว่า  เวลาเราเลือกตัดสินใจจะลงทุนอะไรซักอย่าง  คือเราเปรียบเทียบผลตอบแทนกับความเสี่ยงของการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ  แล้วเลือกอันที่มันเหมาะสมกับเราที่สุดใช่มั้ยครับ  เช่น  คนบางคนเลือกฝากประจำกับธนาคาร  นั่นคือเค้ามองว่าดอกเบี้ย 2-3% บนความเสี่ยงที่ต่ำมากมีรัฐบาลรับรอง  เป็นอะไรที่เหมาะสมกับเค้ามากกว่าลงทุนในกองทุนรวมที่ผลตอบแทนอาจสูงกว่าแต่ไม่แน่นอน  ดังนั้นเวลาที่เราจะบอกว่าซื้อหุ้นคุ้มหรือไม่คุ้ม (แพงหรือถูก)  ก็คือเราเปรียบเทียบการซื้อหุ้นนั้นกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น

เช่น สมมติว่าซื้อหุ้น A คาดหวังผลตอบแทน 15%

หุ้น A จะเป็นอะไรที่ประเสริฐมาก  ถ้าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารอยู่ 3% ถูกมั้ย

แต่หุ้น A  จะเป็นอะไรที่ห่วยมากทันที  ถ้าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารให้ 15%  เพราะถ้ามันจะได้เท่ากันก็ฝากธนาคารเถอะ

และดังนั้นเวลาจะบอกว่าหุ้นแพงเกินไปหรือยัง  ให้ลองทำดูตามนี้

  1. เอากำไรสุทธิต่อหุ้นปีล่าสุดมาเทียบกับราคาหุ้นตอนนี้ก่อน ดูว่าผลตอบแทนเบื้องต้นเป็นกี่ %

ตัวอย่าง  สมมติหุ้น BTY  ราคา 11 บาท  กำไรต่อหุ้น 0.13 บาท            0.13/11  =  1.18%

  1. ไปหาดูว่าที่ผ่านมา บริษัทนี้กำไรสุทธิโตปีละกี่ %

ตัวอย่าง  สมมติกำไรเค้าเป็น                               173.70          211.41          301.16          402.49

ก็คำนวณหาว่าแต่ละปีโตมากี่ %  วิธีก็เอา  (กำไรปีใหม่ – กำไรปีเก่า)/กำไรปีเก่า

กรณีนี้จะได้ว่าโต               21.71%         42.45%         33.65%

แล้วก็มาหาค่าเฉลี่ยดู  อย่างกรณีนี้ทำเสร็จจะได้ว่าโตเฉลี่ย  32.60%  (ซึ่งถือว่าเว่อร์มากละ)

  1. สมมติว่าบริษัททำได้แบบนี้ไปในอนาคต 10 ปี ลองดูซิว่ากำไรต่อหุ้นจะเป็นเท่าไหร่

ตัวอย่าง  ปัจจุบันกำไรต่อหุ้น 0.13 บาท  ถ้าโต 32.6% ไปแบบนี้ 10 ครั้ง

(0.13 x 1.326)^10  = 2.32 บาทต่อหุ้น

ปล. เผื่อคนไม่รู้  เครื่องหมาย ^ คือยกกำลังนะ

  1. ทีนี้มาดูซิว่าทั้งหมดนี้คือหมายความว่าอะไร

ตัวอย่าง

หุ้นนี้ซื้อตอนนี้  11 บาท กำไรต่อหุ้น 0.13 บาท  คิดเป็นผลตอบแทนเบื้องต้น 1.18%

ด้วยการเติบโต  ถ้าบริษัทนี้รักษาระดับการเติบโตไปได้ใกล้เคียงเดิมคือปีละ 32.6%

สิบปีผ่านไปบริษัทนี้กำไรต่อหุ้นเป็น 2.32 บาท  เทียบกับเงินต้นเรา 11 บาท  คิดเป็นผลตอบแทน 21.09%

ก็จะเห็นว่าดูไม่แพงเท่าไหร่ละ  ผลตอบแทนดีกว่าทำอย่างอื่นเยอะเลย  นั่นเพราะบริษัทนี้เติบโตรุนแรงเหลือเกิน

จากตัวอย่างจะเห็นว่า  ถ้าคิดกำไรปัจจุบันของบริษัทจะเห็นว่าหุ้นนี่แพงมาก  กำไร 1.18% นี่คือห่วยมาก  ฝากธนาคารรวยกว่า  แต่ถ้าสมมติเราเชื่อว่ากิจการนี้เป็นบริษัทที่ดี  และจะเติบโตได้อัตราเร่งใกล้เคียงเดิม  หุ้นนี้ก็จะดูไม่แพงเท่าไหร่ละครับ

แต่อย่าลืม  วิธีนี้เราต้องสมมติการเติบโต  ดังนั้นใช้วิจารณญาณประกอบด้วย  อย่างกรณีนี้บริษัทโต 32.6% ต่อเนื่องสิบปีส่วนตัวผมว่ามันไม่น่าเป็นไปได้  แนะนำให้ลองใช้ตัวเลขเผื่อเติบโตช้ากว่าที่ผ่านมาดูประกอบด้วยครับ

อีกกรณีนึง  สมมติถ้าทำออกมาแล้วได้ว่ารอ 10 ปีผ่านไป  กำไรต่อหุ้นเทียบกับราคาซื้อได้อยู่ 7-8%  ก็รู้ได้ทันทีว่าอย่าซื้อเลย  เพราะถ้าต้องรอ 10 ปี  กว่ากำไรต่อหุ้นเทียบราคาซื้อจะได้ 8%  ผมว่าซื้อกองทุนรวมเหอะ  เพราะโดยเฉลี่ยกองทุนรวมดัชนีได้ 8% ต่อปีอยู่ตั้งแต่แรกละ  ไม่รู้จะรอ 10 ปีเพื่ออะไร

วิธีนี้ผมว่าง่ายมากละ  และน่าจะช่วยให้คุณเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น  แต่อย่าลืมว่าเครื่องมือทุกอย่างต้องใช้ประกอบความเข้าใจ  ใช้วิจารณญาณด้วยครับ