บางคนคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นหรอก ไว้ตอนมีรายได้มากขึ้นเดี๋ยวก็มีเงินเก็บเองแหละ แต่ชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ เพราะส่วนใหญ่พอรายได้มากขึ้นไลฟ์สไตล์เราก็เปลี่ยนตาม ซื้อบ้านใหญ่ขึ้น, กินข้าวหรูขึ้น, ซื้อของใช้นู่นนี่มากขึ้น, ซื้อรถแพงขึ้น, ฯลฯ สุดท้ายไม่มีเงินเก็บเหมือนเดิม
การที่ไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยนแบบนี้ทำให้เกิดปัญหาสองอย่างตอนจะเกษียณ อย่างแรกเลยคือการใช้จ่ายมากเกินทำให้ไม่มีเงินเก็บเพียงพอ อย่างที่สองคือเราจะเริ่มชินกับวิถีชีวิตที่แพงขึ้นทำให้ยิ่งเงินไม่พอเข้าไปใหญ่ ดังนั้นเพื่อมั่นใจว่ามีเงินพอเกษียณเราต้องเริ่มคอยดูการใช้จ่ายเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ และเริ่มบังคับตัวเองให้กันเงินออมไว้ ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
-
เขียนงบกระแสเงินสดของตัวเอง
การเขียนงบกระแสเงินสดตัวเองออกมา จะทำให้เรารู้ว่ารายได้เรามาจากไหนบ้าง จ่ายไปกับเรื่องอะไรบ้าง และแผนการออมเราเป็นไปตามแผนหรือเปล่า ผมแนะนำให้โหลด worksheet ของ Morningstar ได้ที่ลิ้งค์นี้
https://drive.google.com/open?id=0B4XyqG1tPEfic092ZFplQ0FvckU
- เงินเดือนถ้าแต่ละเดือนไม่แน่นอน พยายามใช้เฉลี่ยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
- รายได้อื่นเช่นประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อันนี้สำหรับกรณีเกษียณแล้ว
- รายการหนี้สินที่ต้องจ่ายทุกเดือน
- พวกรายจ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำในการดำรงชีวิตทั้งหลาย บางทีอาจจะไม่รู้เพราะไม่เคยบันทึก แนะนำให้เริ่มบันทึกหรือลองประมาณการณ์ดูเท่าที่ทำได้ตามที่ปกติเราใช้จริง
-
ดูว่าเรามีกระแสเงินสดเป็นบวกหรือลบ
หักรายจ่ายทั้งหมดออกจากรายได้ สิ่งที่ได้คือกระแสเงินสดที่เข้าหรือออกจากกระเป๋าเรา
ถ้าเรามีกระแสเงินสดเป็นบวกมีเงินเหลือเก็บ ลองเช็คดูว่าได้อย่างน้อย 10% ของรายได้มั้ย ถ้าเป็นไปได้เอาให้ถึง 15-20% ของรายได้เลยก็จะดีมากจะได้เก็บเงินทันแน่นอน แต่สมมติเรามีเงินเหลือเก็บน้อยหรือไม่เหลือ เราต้องเริ่มลองปรับการใช้จ่ายของเราดูแล้ว ปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่นอน
-
เริ่มวางแผนการออม
อย่างแรกเลยคือวางเป้าการออมก่อน เช่นสมมติรายได้เราเดือนละ 30,000 บาท ตั้งเป้าออมซัก 20% ก็คือ 6,000 บาท
เปรียบเทียบเป้าหมายกับที่เราออมอยู่จริงในวันนี้ สมมติวันนี้เราออมได้เดือนละ 5,000 บาทอยู่แล้ว แปลว่าเราต้องมองหาวิธีทำยังไงให้เหลือออมเพิ่มเติมอีก 1,000 บาท ใน worksheet ที่ดาวน์โหลดไปมันจะมีแถวสองแถว Spent กับ Budget เราลองพยายามปรับตัวเลขดูว่าเราลดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง แล้วมันจะเพียงพอหรือไม่
โดยปกติรายจ่ายหลักที่ต้องมีทุกเดือนก็จะตัดยากหน่อย อย่างพวกค่าน้ำค่าไฟนี่คงจะยาก แต่ถ้าส่วนค่าโทรศัพท์ก็อาจจะลดได้นะถ้าเรายอมเล่นเน็ตมือถือน้อยลงหรือใช้เน็ตช้าหน่อย ส่วนใหญ่แล้วส่วนที่ตัดได้มันมักจะเป็นพวกค่าจิปาถะอย่างบันเทิง, ไปท่องเที่ยว หรือพวกกินข้าวนอกบ้านอะไรพวกนี้ หรือถ้าเราชอบท่องเที่ยวชอบทำกิจกรรม ก็อาจจะตัดรายจ่ายจากพวกเสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน, รถยนต์อะไรพวกนี้แทน
ดูซิว่าเราควบคุมรายจ่ายได้ตามเป้ามั้ย หรือแผนที่วางไว้ตอนแรกอาจจะทำไม่ได้จริง หรืออาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนหรือเปล่า
หัวข้อนี้จะทำให้เรารู้ถึงสถานการณ์การเงินตัวเองมากขึ้น ไว้ในหัวข้อต่อไปเราจะมาพูดถึงการตั้งเป้าหมายที่ละเอียดขึ้นกันครับ