ผมว่าเราทุกคนเคยได้ยินนิทานเรื่องคนตาบอดคลำช้าง ที่ว่าคนนึงคลำเจอขาช้างแล้วก็เลยบอกว่านี่คือต้นไม้ อีกคนคลำเจอหางช้างก็เลยบอกว่านี่คือเชือก คนนึ่งคลำเจอหูช้างก็บอกน่าจะเป็นพัด ฯลฯ สุดท้ายผิดหมดเพราะไม่มีใครเห็นภาพรวมทั้งหมดของช้าง เห็นอยู่มุมเดียว เหมือนกับการลงทุนเหมือนกัน เราเลือกพิจารณาคุณภาพกิจการอย่างเดียว หรือเลือกพิจารณาราคาหุ้นอย่างเดียว มันเหมือนเราตาบอดคลำหุ้นอยู่ครับ
ส่วนใหญ่ไอเดียการลงทุนมักจะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ
- กลุ่มเน้นราคา วันๆมักจะคุยกันเรื่อง P/E, การหามูลค่ายุติธรรม, Discount Cash Flow ฯลฯ หลักการคือเน้นซื้อหุ้นถูกไว้ก่อน บางคนนี่ถึงขั้นไม่สนใจด้วยซ้ำว่ากิจการทำอะไร เอารู้แค่ว่าอยู่กลุ่มอุตสาหกรรมอะไรพอ ที่เหลือดูตัวเลขอย่างเดียว ราคาต่ำพอเป็นใช้ได้
- กลุ่มเน้นกิจการ วันๆคุยกันแต่บริษัทนี้ทำอะไร, กำลังลงทุนทำอะไรอยู่, ปีนี้ขยายกี่สาขา,ช่วงนี้ธุรกิจเทรนด์นี้ขายดีขายแย่ยังไง ฯลฯ หลักการคือเน้นซื้อกิจการดีไว้ก่อน บางคนนี่ถึงขั้นบอกราคาไม่สน กิจการดีกำไรเติบโต อยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี ซื้อไปเลยยังไงก็คุ้ม
โดยรวมผมว่าสองกลุ่มนี้มันเหมือนรองเท้าสองข้างนะ คือมันต้องมีทั้งคู่มันถึงจะสมบูรณ์ ใส่รองเท้าข้างเดียวก็คงดีกว่าเท้าเปล่าแหละ แต่ถ้ามาเป็นคู่ได้มันจะสมบูรณ์แบบมาก
ราคาหุ้นสำคัญ เพราะต่อให้กิจการยอดเยี่ยมแค่ไหน มันก็มีคำว่าแพงไปเสมอครับ เช่น สมมติกิจการกำไรปีละ 1 ล้านตลอดไป ซื้อมา 10,000 ล้านบาท ยังไงมันก็ไม่คุ้มครับ ไม่ใช่เพราะกิจการไม่ดีนะ ที่ไม่คุ้มเพราะเราซื้อมาแพงไปต่างหาก ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงว่ากิจการดีซื้อราคาเท่าไหร่ก็ได้
ลักษณะกิจการสำคัญ อย่าลืมว่าทั้งหมดนั่นน่ะข้อมูลในอดีต คำถามคือธุรกิจที่เราดูอยู่นี่มันจะยังทำได้ดีเหมือนเดิมมั้ย เช่น สมมติบริษัทนึงงบการเงินดีมากเลย หนี้สินน้อย กำไรที่ผ่านมาดี แต่เป็นธุรกิจร้านหนังสือ เราก็ต้องฉุกคิดว่า เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว คนอ่าน e-book แทนละ ยอดขายหนังสือลดลงทุกปี ดังนั้นเราจะมัวแต่นั่งดูงบดูว่าราคาถูกเข้าว่าไม่ได้
ดังนั้นโดยสรุป พิจารณาหุ้นมันต้องให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพของกิจการ และประมาณการราคาที่จะซื้อด้วย ของแบบนี้มันต้องมาเป็นคู่ครับ ไม่ใช่อันใดอันหนึ่ง
Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.