ปีเตอร์ ลินช์ เป็นหนึ่งในนักลงทุนระดับเทพของโลก ช่วงที่เป็นผู้บริหารกองทุน Magellan ทำกำไรตกปีละ 29% ที่สำคัญคือเค้าเป็นคนตลกด้วยครับ ในหนังสือ One Up on Wall Street เค้าเขียนลักษณะของหุ้นในอุดมคติไว้ด้วย และผมว่าเป็นเนื้อหาที่ดีมากเลยอยากแชร์เรื่องนี้ครับ มันมี 13 ข้อดังต่อไปนี้
-
ชื่อบริษัทต้องฟังน่าเบื่อ จะยิ่งดีถ้าชื่อฟังตลก
หุ้นจะดีต้องเป็นกิจการที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน และดังนั้นก็น่าจะมีชื่อที่ฟังธรรมดาน่าเบื่อ
-
ต้องทำธุรกิจที่น่าเบื่อ
เมื่อชื่อฟังน่าเบื่อแล้ว ตัวกิจการทำธุรกิจที่น่าเบื่อด้วยยิ่งดี
-
หรือให้ดีกว่านั้น ทำธุรกิจที่น่าเบื่อและน่ารังเกียจ
ธุรกิจที่สกปรกหรือน่ารังเกียจยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะหุ้นพวกนี้จะไม่ได้รับความสนใจ เราจะซื้อได้ก่อนคนอื่น
-
เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากบริษัทอื่น
เค้ามองว่าบริษัทลูกที่บริษัทแม่แยกออกมา โดยปกติแล้วจะทำได้ดี เพราะถ้าเกิดเจ๊งขึ้นมาจะพลอยทำให้บริษัทแม่ดูแย่ไปด้วย ที่สำคัญหลังจากที่แยกตัวออกมาแล้ว ทีมผู้บริหารจะมีอิสระในการทำงานมากขึ้น สามารถทำอะไรใหม่ๆง่าย
-
นักลงทุนสถาบันไม่ถือหุ้น และนักวิเคราะห์ไม่ตาม
หรือจะเป็นลักษณะที่แต่ก่อนได้รับความนิยม แต่หลังๆไม่ได้รับความนิยมก็ได้ เพราะยิ่งหุ้นมีคนติดตามเยอะ ชื่อได้ยินพูดถึงบ่อยๆราคาก็ยิ่งแพง และหุ้นแพงก็ไม่ใช่โอกาสที่เราต้องการ
-
มีข่าวลือไม่ดี
พวกข่าวลือไม่ดี หรือเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับกิจการแล้วทำให้มันไม่ได้รับความนิยมนี่ดีหมด
-
เป็นธุรกิจที่ทำให้หดหู่
ตัวอย่างที่ใช้คือพวกธุรกิจจัดงานศพ พวกนี้ยิ่งไม่ได้รับความนิยม
-
อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่เติบโต
ยิ่งอุตสาหกรรมโตเร็ว ยิ่งดึงดูดให้มีคนอยากเข้ามาแข่ง ยิ่งทำให้ลำบาก สู้อุตสาหกรรมนิ่งๆที่มีเจ้าตลาด แล้วไม่น่าสนใจพอที่จะทำให้คนอยากเข้ามาแข่งดีกว่า กิจการลักษณะนี้เสี่ยงน้อยปัญหาน้อย
-
อยู่ในตลาดจำกัด ทำสินค้าหรือบริการเจาะจงเฉพาะกลุ่ม
เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าตลาดในกลุ่มเฉพาะ ลักษณะนี้ทำให้ไม่มีคู่แข่งเข้ามาเยอะ
-
คนต้องซื้ออยู่เรื่อยๆ
สินค้าหรือบริการที่ขาย คนใช้แล้วหมด ต้องซื้ออยู่เรื่อยๆ
-
เป็นคนใช้เทคโนโลยี
บางบริษัทอยู่รอดด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องคิดเทคโนโลยีใหม่ตลอด สู้เลือกบริษัทที่ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดีกว่า
-
คนในบริษัทถือหุ้นบริษัทตัวเอง
เป็นสัญญาณที่ดีถ้าคนในบริษัทถือหุ้นบริษัทตัวเอง ยิ่งถ้าเป็นพนักงานระดับล่างถือหุ้นนี่ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดี
-
บริษัททำการซื้อหุ้นคืน
ถ้าบริษัทเป็นบริษัทที่กิจการทำได้ดี แทนที่จะเอาเงินไปลงทุนกิจการประเภทอื่นที่อาจจะดีหรือไม่ดีไม่รู้ สู้ใช้เงินซื้อหุ้นตัวเองคืนดีกว่า
จะเห็นว่าเค้าไม่นิยมหุ้นที่ได้รับความนิยม หรือเป็นหุ้นที่คนรู้จักดีอยู่แล้ว ปีเตอร์ ลินช์ นิยมหากิจการที่ดีและราคาถูกน่ะครับ แล้วพวกเราล่ะ เป็นเหมือนเค้ามั้ยครับ
Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.