รู้ไว้ใช่ว่า – มาตรการ QE

เรียกว่าเป็นข่าวอยู่พักใหญ่ทีเดียวครับไอตัว QE เนี่ย จะมีอยู่ช่วงหนึ่งครับที่ออกข่าวทุกวันเรื่องนี้ หุ้นขึ้นก็บอกเพราะเค้าใช้ QE หุ้นตกก็บอกเพราะเค้าจะเลิกใช้ QE คือเรียกว่าเป็นประเด็นที่มีการไปสัมภาษณ์คนนู้นคนนี้ เดากันไปต่างๆนาๆว่าจะเลิกมั้ยเลิกเมื่อไหร่อะไรเต็มไปหมด ผมเลยอยากจะอธิบายไว้คร่าวๆเผื่อว่ามีคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้

QE หรือ Quantitative Easing นี่มันเป็นนโยบายทางการเงินที่ใช้กรณีพิเศษอันหนึ่งครับ มีไว้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ถ้าเป็นวิธีการเพิ่มเงินในระบบปกติเค้าจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล ส่วนที่เรียกว่าพิเศษนี่คือเพราะเค้าจะไปซื้อตราสารหนี้จากภาคเอกชนเทน ไอเดียมันก็เหมือนๆกันครับ คือทำเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินสดเยอะๆสามารถไปปล่อยกู้ต่อให้กับธุรกิจได้ พอธุรกิจสามารถมีเงินทุนมีการกู้ก็จะมีการผลิตมีการจ้างงาน และดังนั้นก็จะทำให้ไม่เกิดสภาพเงินฝืดหรืออะไรพวกนั้น จริงๆถ้าพูดเรื่องผลต่อสภาพเศรษฐกิจไม่มีใครทราบแน่นอนครับ บางคนก็บอกว่าดีเพราะทำให้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ลุกลามคนตั้งตัวได้ทันไม่ตกใจ บางคนก็บอกว่าไม่ดีเพราะธนาคารพาณิชย์ก็อาจจะไม่ปล่อยกู้ก็ได้ แล้วยังจะไปทำให้เกิดเงินเฟ้อและปัญหาอื่นในอนาคตอีกด้วย

แต่ในแง่ของผลกระทบต่อตลาดหุ้นบ้านเรา มันมีผลเหมือนกันครับ เพราะเวลาที่ประเทศใหญ่ๆอย่างสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรปเพิ่มเงินเข้ามาในระบบเค้าเยอะๆ มันก็จะมีคนในนั้นที่ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรหรือไปลงทุนในประเทศตัวเองยังไงดี เค้าก็เริ่มออกมาลงทุนในต่างประเทศ เป็นเหตุให้เหมือนมีเงินลงทุนจากต่างช่ติมาซื้อหุ้นซื้อหลักทรัพย์อื่นๆในไทย พอเป็นแบบนี้ก็ทำให้ราคาหุ้นหรือราคาหลักทรัพย์อื่นๆของเราสูงขึ้นตามกำลังซื้อ

ทีนี้ที่เค้ากังวลกันก็คือว่า แล้วถ้าวันหนึ่งทางต่างประเทศยกเลิกการเพิ่มเงินในระบบ จะเกิดอะไรขึ้น เงินทุนจะวิ่งกลับไปประเทศเค้ามั้ย ฯลฯ พอมีคนกังวลกันเยอะๆแล้วเกิดข่าวว่าเค้าจะหยุดหรือชะลอการเพิ่มเงิน ก็เลยทำให้คนรีบขายหรือซื้อหุ้นเป็นเหตุให้ตลาดภาพรวมผันผวนครับ

ส่วนตัวผมจะบอกแบบนี้ว่า QE ไม่มีผลต่อผลประกอบการของบริษัทในไทย ท้ายที่สุดในเมื่อคุณก็ไม่สามารถควบคุมนโยบายของต่างประเทศได้ แล้วก็ไม่รู้เค้าจะเลิกหรืออะไรเมื่อไหร่ แล้วถ้าเลิกคนจะตกใจหรือไม่ตกใจ ดังนั้นคุณก็ไม่ต้องคิดมากครับ สำคัญคือคุณต้องเข้าใจว่าเรากำลังทำการลงทุน เราไม่ได้กำลังนั่งเดาตลาด ถ้าเป็นหลักสูตรผมจะสอนให้ไม่กังวลเรื่องอะไรพวกนี้ เรามองเรื่องแบบนี้เป็นโอกาสเสมอครับ อยู่ที่เราความสามารถถึงที่จะดูออกมั้ยเท่านั้นเองครับ