ข้อนี้ผมพูดได้อย่างภาคภูมิใจเลยครับว่าผมก็เป็น และยิ่งช่วงหลังๆนี่เป็นเยอะด้วยนะ
ล่าสุดเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมานี่เอง มันมีหุ้นธุรกิจค้าปลีกและให้บริการเกี่ยวกับก่อสร้าง, ต่อเติมซ่อมแซมอาคารบ้านที่อยู่อาศัยบริษัทหนึ่ง ผมจับตารอโอกาสราคาซื้อมานานหลายปีละไม่เคยใกล้เคียงเลย ไม่ได้ซื้อซักที
ในปี 2015 มันราคาตกลงมาเยอะมาก จนมาถึงที่ผมอยากได้คือ 6 บาท แล้วจริงๆมั่นใจมากเลยนะว่าซื้อแล้วกำไรแน่นอน มีการทำประมาณการราคาคอนเฟิมไว้ชัดเจนละ ก่อนหน้าราคาลงมาถึง 6 บาทก็คุยกับเพื่อนๆและลูกศิษย์ไว้แล้วว่า 6 บาทผมจะซื้อ ไม่พอยังเชียร์ให้คนอื่นซื้อด้วย แต่สุดท้ายผมไม่ได้ซื้อครับ
เหตุที่ไม่ได้ซื้อคือ เวลานั้นตอนที่ราคาแตะ 6 บาท ผมเกิดโลภมากขึ้นมา ช่วงนั้นเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ตอนนั้นมีแต่ข่าวไม่ดี มีทั้งหุ้นจีนตกรุนแรง ประเทศจีนปรับลดประมาณการตัวเลข GDP มีข่าวราคาน้ำมันตกต่ำลงไปอีก มีระเบิดตรงพระพรหมที่แถวแยกราชประสงค์ ฯลฯ โดยสรุปก็คือบรรยากาศไม่ดีว่างั้นเถอะ ผมเลยเกิดโลภมาก อยากได้หุ้นนี้ที่ราคา 5.7 บาท นึกในใจว่าก็ถูกลงไม่เยอะนะ ขอแค่ตกลงอีก 5% เอง
ก็เลยอดซื้อ รอไปรอมา ผลปรากฎว่าต่ำสุดที่หุ้นนั้นไปถึงคือ 5.95 บาท แล้วก็ไม่ตกไปใกล้อีกเลย ตอนนี้ปลายมีนาคม 2016 ละ ราคาหุ้นอยู่ 8.1 บาท ผมอด ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆที่ไม่โลภ กำไรไป 30% กว่าละยังไม่ถึงปีเลย แล้วมีมาอัพเดทให้ผมฟังเป็นระยะๆด้วยนะครับ ย้อนคิดดูแล้วก็อนาถจริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าโลภ และจงมีวินัยกับการลงทุน วิธีการที่เรากำหนดกับตัวเองแล้ว ว่าจะซื้อหรือขายอะไรเมื่อไหร่ ก็จงเชื่อตามนั้นอย่างเคร่งครัด อย่ารีบ อย่าใจร้อน และอย่าโลภครับ