คนทุกคนไม่ชอบเสียเงิน แต่ที่ไม่ชอบยิ่งกว่าคือการยอมรับว่าเราพลาดและเป็นเหตุให้เสียเงิน แล้วเวลาไม่ยอมรับว่าพลาดเนี่ยแหละ เราจะหาเหตุผลที่บางทีก็ไม่ค่อยมีเหตุผลมาสนับสนุนไม่ให้ขาย และทำให้เราสุดท้ายยิ่งขาดทุนมากขึ้นไปอีก คุ้นๆมั้ยครับ ผมว่าเป็นกันทุกคนนะเพราะผมก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน
กรณีล่าสุดเลย ผมถือหุ้นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบริษัทหนึ่งอยู่ มีกำไรด้วยนะ พอช่วงครึ่งหลังปี 2014 ก็อย่างที่รู้กัน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกต่ำลง ซึ่งถ้าผมขายหุ้นนี้ในเวลานั้น ก็จะยังมีกำไรนิดหน่อยด้วย แต่ผมไม่ได้ขาย พลาดไปตรงการที่ไม่ยอมรับว่าพลาดเนี่ยแหละ
ต้องเข้าใจว่าก่อนการตัดสินใจซื้อหุ้นนี้ ผมมีการศึกษางบการเงิน มีการดูปริมาณก๊าซที่เหลือในหลุมต่างๆของบริษัท มีการดูโครงการในอนาคตที่กำลังทำ จนเชื่อไปแล้วว่าบริษัทน่าจะทำได้ดี ไม่ดีมากก็อย่างน้อยควรจะต้องใช้ได้
พอราคาน้ำมันเริ่มตกลงเล็กน้อย หลักฐานและเหตุผลประกอบบ่งชี้ชัดเจนว่า มันราคาตกลงเพราะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมากเยอะเกินไปเยอะ จากการที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้อเมริกาสามารถดึงน้ำมันดิบขึ้นมาได้ในราคาที่ถูกลง ยังไงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกก็ต้องต่ำลงอยู่แล้ว และควรจะตกลงเยอะด้วยเพราะพวกนี้เวลาขุดมาแล้วต้องขาย ไม่ขายก็ไม่ได้เพราะลงทุนไปแล้วมหาศาล
ทั้งที่รู้ด้วยนะ และชัวร์เลยด้วยว่าราคาน้ำมันดิบ ยังไงต้องส่งผลต่อเชื้อเพลิงอื่นอย่างก๊าซธรรมชาติที่บริษัทผลิตอยู่แล้ว แต่ด้วยความดื้อไม่ยอมรับความผิดพลาดตัวเอง ทำให้ผมถือหุ้นอยู่จนขาดทุน แทนที่จะมีกำไรไปทำอย่างอื่น จากกำไรกลายเป็นขาดทุนเป็นแสน มานึกย้อนดูก็สมควรโดนอยู่ครับ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรจะยอมรับความผิดพลาด ถ้าสถานการณ์ของกิจการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ จนทำให้เหตุผลที่เราลงทุนแต่แรกไม่ตรงกับสถานการณ์ ก็ขายทิ้งเถอะครับ หุ้นไม่รู้หรอกครับว่าเราเป็นเจ้าของ ไม่ต้องไปหวงมันมากนักก็ได้