เดี๋ยวนี้ชักเจอบ่อย คนเข้าใจว่า VI หรือลงทุนเน้นคุณค่า แปลว่าซื้อถือยาว คือมันผิดประเด็นไปเลยอ่ะ ซึ่งผมว่ามันแปลว่าคนไม่เข้าใจ เหมือนคนเข้าใจว่าทุเรียนแปลว่ามีหนามอะไรเงี้ยครับ วันนี้เลยอยากจะเล่าว่า VI นี่สรุปมันคืออะไรแน่
มันเริ่มจากกฎพื้นฐานสุดเลยของการลงทุนให้กำไรคือ “ซื้อราคาต่ำ ขายราคาสูง” ซึ่งฟังดูมันก็เข้าใจง่ายนะ มันก็อยากทำแบบนี้ทุกคนแหละ แล้วความหมายมันแปลว่าอะไรล่ะ ฟังดูเผินๆก็ยังง่ายอยู่ ก็คือให้ซื้ออะไรซักอย่างมาในราคาต่ำ แล้วขายไปในราคาสูงกว่าที่ซื้อมา แต่ตรงนี้แหละที่ต้องถามต่อ
เพราะเวลาเราจะขาย มันเป็นเรื่องจะเกิดในอนาคต ดังนั้นการจะบอกว่าวันนี้ควรจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่มันเลยเป็นเรื่องยากมาก มันเลยต้องมีวิธีการวัดหรือมาตรฐานอะไรซักอย่างว่าตรงไหนคือราคา “สูง” หรือ “ต่ำ” ไอตัวมาตรฐานนี่แหละที่เค้าเรียกว่าคุณค่าหรือมูลค่า (value) พอได้แบบนี้กฎพื้นฐานมันถึงจะชัดเจนคือ “ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า และขายเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่า”
นักลงทุนเน้นคุณค่าก็คือแค่นี้แหละ มันคือนักลงทุนที่เชื่อว่าหุ้นคือชิ้นส่วนของความเป็นเจ้าของของบริษัท และบริษัทเป็นสิ่งที่มีกิจกรรมทางธุรกิจมีการค้าขายทำกำไรขาดทุนจริง ดังนั้นเราควรจะสามารถประมาณการณ์มันได้ และจะพยายามซื้อหุ้นบริษัทนั้น ก็ต่อเมื่อราคาที่ซื้อขายกันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าของหุ้น
แล้วการลงทุนสายเน้นคุณค่าแบบนี้ง่ายหรือเปล่า ต้องบอกว่าไม่เลย
อย่างแรกเลยคือมันต้องประมาณมูลค่าได้แม่นระดับนึง เพราะถ้าไม่แม่นการจะทำกำไรได้สม่ำเสมอก็เป็นไปไม่ได้ เราจะอาจจะซื้อมาแพงไป เวลาซื้อมาแพงไปนี่เราต้องโชคดีมากถึงจะกำไร คือบริษัทอาจจะต้องทำกำไรได้ดีเกินคาด หรือไม่ก็ต้องภาวนาให้มีคนโง่กว่าเรามาซื้อต่อไป
ต่อมา สมมติเราประมาณการณ์ได้มูลค่าของหุ้น A มาละ ขั้นต่อไปคือเราต้องไม่เขว เพราะในชีวิตจริงการลงทุน การที่เราเดาถูกต้อง ไม่ได้แปลว่ามันจะได้กำไรชัดเจนทันทีที่ซื้อ
สมมติหุ้น A เราเชื่อว่ามูลค่า 80 บาท แล้วเราซื้อมาได้ 60 บาท ซึ่งก็เจ๋งละนะ เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ แต่การที่เราจะซื้อได้ถูกแบบนี้มันมักจะเพราะตลาดขาลงหรือคนตกใจอะไรซักอย่าง ราคาหุ้นมันก็อาจจะตกไปอีกก็ได้ เกิดราคาตกไปเหลือ 50 บาท เราจะทำยังไง
ผลคือเราจะเริ่มเสียความมั่นใจ ทำให้การถือต่อทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะถ้าตกลงไปนานๆหรือตกลงไปลึกไปอีกเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าเรายินดีซื้ออะไรซักอย่างที่ 60 บาท เราก็น่าจะยินดีและซื้อเพิ่มถ้าลดราคาลงไปอีกเหลือ 40 บาท, 30 บาท, …
แต่มันไม่ง่ายไง เพราะไม่มีใครชอบเห็นเลขขาดทุน และคนก็จะเริ่มสงสัยว่า “เอ๊ะ หรือเป็นเราที่เข้าใจผิด บริษัทนี้อาจจะเละจริงๆก็ได้” แล้วคนก็จะเริ่มคิดว่า “มันตกมาเยอะมากเลย ตัดขาดทุนก่อนดีกว่าที่จะขาดทุนมากไปกว่านี้” แล้วคนก็จะขาย
เพราะฉะนั้นการลงทุนสายนี้มันเลยไม่ง่าย พวกนักลงทุนที่ไม่มีความรู้เรื่องการอ่านงบการเงิน, ไม่ได้ศึกษาธุรกิจของบริษัทให้เห็นภาพ หรือไม่มีวิธีประมาณการณ์มูลค่า ก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะวันๆถ้ารอบตัวมีคนซื้อหุ้นตัวนู้นตัวนี้แล้วกำไร เค้าก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าหุ้นแพงเกินไปแล้วและอาจจะกระโดดเข้าไปซื้อติดดอย แล้วเวลาตลาดหุ้นตกถล่มทลาย พวกนี้ก็จะไม่มีทางมีความมั่นใจมากพอที่จะถือต่อ หรือกล้าหาญมากพอที่จะกระโดดเข้าไปซื้อในเวลาที่ราคาหุ้นถูกแสนถูก
แน่นอน นักลงทุนทุกคนแหละมองหาจะลงทุนในอะไรซักอย่างแล้วให้ราคามันขึ้นจะได้กำไร แต่ในชีวิตจริงจะลงทุนให้สำเร็จมันก็ต้องมีแผนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกว่านั้น และคำตอบคือการลงทุนสายเน้นคุณค่า ถ้าเราประมาณการณ์มูลค่าบริษัทได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์คือเราจะไม่ตัดสินใจอยู่บนอารมณ์ การลงทุนเราก็จะกำไร และทำได้อย่างสม่ำเสมอ
สรุปสุดท้าย หัวใจของการลงทุนสายนี้คือการประมาณการณ์หามูลค่า
เราต้องหามูลค่าได้, เชื่อมั่นยืนหยัดในมูลค่ากล้าซื้อแม้ว่าราคาหุ้นจะตก และที่สำคัญคือเราต้องถูก