ลงทุนสไตล์ไหนที่เหมาะกับคุณ?

ผมว่าป่านนี้คุณพอจะรู้แล้วล่ะ ว่าในปัจจุบันมันมีสไตล์การลงทุนอยู่หลากหลายเหมือนกัน สังเกตได้จากว่าคนที่มาพูดทางทีวีนี่เค้าบางทีพูดกันไปคนละเรื่องเลย แต่ทีนี้สำคัญกว่าคืออันไหนมันเหมาะกับคุณล่ะ เพราะลงทุนสไตล์ไม่เหมาะนี่มันจะยากเหมือนกันนะ ลงทุนแบบไม่ถูกจริตกับตัวเองนี่มันจะทำได้ยากครับเพราะมันฝืน แล้วส่วนใหญ่จะขาดทุนด้วย ตอนสมัยเริ่มหัดนี่ผมงงกับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน วันนี้ผมเลยไปรวบรวมแนวลงทุนหลายๆแบบมาคุยให้ฟังเผื่อว่าคุณจะค้นพบตัวเองเร็วขึ้นครับ

เก็งกำไรฟิวเจอร์กับออพชั่น

แนวนี้เป็นแนวเสี่ยงมากครับ ออพชั่นอย่างหนักสุดคือเงินต้นเหลือศูนย์ ส่วนฟิวเจอร์นี่ไม่ใช่แค่เงินต้นหายเฉยๆนะ ไปถึงติดลบได้เลย แต่แน่นอนได้กำไรทีก็เยอะเหมือนกัน เหมาะกับคนชอบพนัน

แนววิเคราะห์เทคนิคระยะสั้น 

ระยะสั้นมากซื้อขายกันวันต่อวันก็จะเรียกว่า Day trader ครับ  พวกนี้อาศัยเดาทิศทางอย่างเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับพื้นฐานทั้งนั้น เครื่องมือที่ใช้ก็เช่น RSI (Relative strength index) แนวชอบเสี่ยงชอบลุ้นนะผมว่า

แนววิเคราะห์เทคนิคกลางถึงยาว 

กลุ่มนี้ก็จะลงทุนยาวหน่อย อาจจะเป็นหลายเดือนจนถึงเป็นปี เครื่องมือที่ใช้ก็อย่างเช่น MACD, Trendline เหมาะกับคนชอบสถิติ ชอบเดาจิตวิทยาครับ

ใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ

มีชื่อเฉพาะด้วยเรียกว่า Algorithmic trading คือพวกนี้ใช้ตั้งโปรแกรมเลย โดยอาจตั้งให้ทำการซื้อขายตามแนวโน้มเทคนิค หรือตามสัญญาณอะไรก็แล้วแต่ที่ตั้งเอาไว้แต่แรก พวกนี้ก็ต้องรู้เรื่องน่ะครับ ไปเอาโปรแกรมคนอื่นเขามาส่วนใหญ่ยาก เพราะไม่ได้ตั้งเองถ้าเกิดผิดพลาดหรือสถานการณ์เปลี่ยนก็เจ๊ง แก้เองไม่ได้อีก เหมาะกับคนชอบเลขหรือชอบพวกตั้งโปรแกรม

ลงทุนในกองทุน

คือให้คนอื่นลงทุนให้อย่างเดียว ก็มีแนวที่ลงทุนไว้แล้วปล่อยยากเลย และก็มีแนวที่ขยันหน่อยคือเลือกกองทุนกลุ่มอุตสาหกรรมที่คิดว่จะโต หรือย้ายกองทุนไปมาระหว่างหุ้นกับหุ้นกู้ในกรณีที่มองว่าเศรษฐกิจหรือตลาดมีการเปลี่ยนแปลง แต่สรุปกลุ่มนี้คือเหมาะกับคนไม่ต้องการจัดการเอง

ลงทุนในหุ้น Turn around 

คือพวกที่ลงทุนในหุ้นที่ช่วงก่อนขาดทุน โดยแนวคิดคือกะว่าถ้าบริษัทพลิกกลับมากำไร ราคามันจะพุ่งหลายเท่าตัวเลยครับ จะลงทุนแบบนี้ได้ดีต้องศึกษาจริงจังเลยแหละ ต้องเข้าใจละเอียดถึงสภาพกิจการและความเคลื่อนไหวต่างๆที่บริษัทจะทำถึงจะลงทุนแนวนี้ได้ ส่วนตัวผมก็ว่าแนวเก็งกำไรนะ แต่อันนี้แล้วแต่ชอบครับ

ลงทุนในหุ้น Growth stock 

คือเน้นเลือกหุ้นที่มีการเติบโตสูงๆ มีช่องทางหรือแนวโน้มในการโตสูงๆ โดยปกตินักลงทุนกลุ่มนี้จะหาหุ้นที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมาก ขนาดยังไม่ใหญ่ แล้วลงทุนโดยหวังว่าในอนาคตบริษัทจะเติบโต และกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น แนวนี้ไม่ถือเป็นแนวเสี่ยงครับ แต่เหมาะกับคนขยัน

ลงทุนในหุ้น Dividend stock  

คือเน้นลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่องจ่ายเยอะ ให้ความสำคัญกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อเงินลงทุนที่สูงไว้ก่อน แนวนี้พักหลังๆมีคนเรียกว่าเป็นการลงทุนใน ”หุ้นห่านทองคำ” อันนี้ก็ถือว่าเป็นแนวปลอดภัยนะผมว่า

ลงทุนในหุ้นปั่น

คือเน้นลงทุนในหุ้นที่ราคาขึ้นจากการที่มีกลุ่มคนจงใจไปดันราคาหุ้น ส่วนใหญ่ก็ต้องรู้ก่อนว่าจะมีคนไปดันราคาขึ้นก็รีบไปซื้อก่อน หุ้นที่โดนปั่นก็จะเป็นหุ้นขนาดเล็กน่ะครับ คนเล่นแนวนี้ซื้อทั้งๆที่รู้ว่ากิจการก็ไม่ได้ดีอะไร และรู้ว่าอีกซักพักราคาก็จะลงด้วย เพียงแต่เข้าไปเสี่ยงหวังว่าจะไม่โดนเท่านั้นเอง แนวนี้ก็ถือเป็นแนวเน้นเสี่ยงอีกแนวหนึ่ง

ลงทุนในหุ้น Blue chip 

คือเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่กิจการเสถียร ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักของตลาดอยู่แล้ว ลักษณะก็เป็นแนวปลอดภัยประเภทหนึ่ง เวลาตลาดหุ้นโดยรวมตกหุ้นพวกนี้ก็ตกแต่ไม่เยอะ

ลงทุนแนว Contrarian  

คือเน้นสวนทางตลาดครับ เน้นซื้อตอนตลาดลง ยิ่งตลาดหุ้นลงเยอะก็ยิ่งซื้อเยอะขึ้น เหมาะกับคนจิตใจเข้มแข็ง เพราะต้องทำอะไรสวนทางจิตวิทยาคนอื่น นักลงทุนแนวนี้ผมถือว่าเป็นแนวปลอดภัยแบบหนึ่ง

ลงทุนด้วยวิธี Dollar cost averaging  

คือลงทุนแบบมีวินัย แพงก็ซื้อถูกก็ซื้อ ซื้อด้วยเงินเท่าๆเดิมทุกเดือน ว่าง่ายๆคือมันเป็นไอเดียของการเฉลี่ยน่ะแหละครับ อันนี้ก็ถือเป็นแนวปลอดภัยประเภทหนึ่ง ผลตอบแทนไม่ยอดเยี่ยมสุดแต่ก็ไม่เลวร้าย

ลงทุนตามกองทุน 

คืออันนี้คล้ายๆซื้อกองทุนน่ะครับ แต่อยากประหยัดค่าบริหารที่ต้องจ่ายกองทุนไง เลยไม่ซื้อกองทุนนะ แต่ซื้อและขายตามกองทุนเป๊ะ เค้าทำอะไรทำตามหมด

ลงทุนด้วยวิธีวิเคราะห์พื้นฐาน

คือเน้นทำความเข้าใจกิจการ ลงทุนในหุ้นที่กิจการยอดเยี่ยมมีกำไรสม่ำเสมอ โดยปกติเน้นถือไปยาวๆ โตไปพร้อมกับกิจการ เหมาะกับคนเน้นปลอดภัยแนวหนึ่ง

พอเท่านี้ละกันนะครับ คือผมเชื่อนะว่าจริงๆยังมีอีกหลายแนวเลยแหละ แต่มันเยอะไปละ อันนี้น่าจะทำให้คุณเห็นภาพมากขึ้นว่ามันมีแนวคิดการลงทุนหลากหลายเหลือเกิน บางทีฟังคนอื่นลงทุนตามชาวบ้านมันเลยไม่ได้ผลไงครับ เพราะมันไม่ตรงกับลักษณะคุณน่ะ แต่ผมบอกไว้เลยว่า ไม่ว่าจะแนวไหนมันก็ไม่เกินความตั้งใจของเราหรอก ตั้งใจเรียนรู้เถอะครับ ตัวผมเองก็เริ่มจากไม่รู้เลยมาก่อนเหมือนกัน