สุดท้าย  พิสูจน์ด้วยอะไรก็ไม่เท่าพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์

Why I Say No To Technical Analysis (Part 4/4)

excess return over s&P of top investors

อย่างที่ทุกคนทราบ  การวิเคราะห์ทางเทคนิคมันเป็นอะไรที่มีมานานแล้วและเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก  มันน่าจะมีผลลัพธ์ชัดเจนวัดได้จากการที่มีนักลงทุนประสบความสำเร็จด้วยการลงทุนสายนี้มากมาย  ดังนั้นการพิสูจน์ที่ดีที่สุดเลยคือเราเอานักลงทุนกลุ่มที่ทำได้ดีระดับโลกผลงานโดดเด่นเป็นสิบๆปีมาพิจารณา  ดูว่ามีที่เป็นสายวิเคราะห์เทคนิคเยอะแค่ไหน

ทีนี้เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกมันมีเยอะมากหลากหลาย  เราตกลงกติกากันก่อนว่าเราจะ

  • ใช้คีย์เวิร์ดการค้นหากว้างให้ครอบคลุมนักลงทุนทุกกลุ่ม ผมจะใช้คำเหล่านี้  greatest investor of all time
  • นับรวมพวกที่ลงทุนในอย่างอื่นด้วย ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นหุ้นเท่านั้น
  • ไม่นับนักลงทุนแนวพลุ คือทำได้ดีอยู่ช่วงหนึ่งแล้วภายหลังเจ๊ง  เอาพวกที่ทำได้ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอเป็นเวลานาน
  • ไม่ได้มาเปรียบเทียบนักลงทุน หรือจัด ranking อะไร  เราแค่อยากรู้ว่าแต่ละคนเค้าลงทุนสายไหนเท่านั้น

และนี่คือผลลัพธ์เรียงมั่วตามลำดับที่หาเจอ

  1. Benjamin Graham คนนี้สายพื้นฐานแน่นอน  อาจารย์ Warren Buffett ด้วย
  2. John Templeton สายพื้นฐาน  นิยมซื้อช่วงตลาดตกรุนแรง  มีชื่อเสียงจากการไปลงทุนในต่างประเทศ
  3. Thomas Rowe Price, Jr. สายพื้นฐาน  เป็นคนแรกๆที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตเร็ว
  4. John Neff สายพื้นฐาน  เน้นลงทุนหุ้น P/E ต่ำๆไว้ก่อน
  5. Peter Lynch สายพื้นฐาน  คนนี้ชอบกิจการเข้าใจง่ายและคนไม่สนใจไว้ก่อน
  6. George Soros สายเก็งกำไรจากเศรษฐกิจมหภาค  อาศัยความเข้าใจนโยบายการเงิน, อัตราแลกเปลี่ยน
  7. Warren Buffett สายพื้นฐาน  และเป็นคนที่ลงทุนระยะยาวมากด้วย
  8. John C. Bogle สายลงทุนเฉลี่ย  เป็นผู้ก่อตั้ง Vanguard  นิยมลงทุนตามดัชนีเป๊ะ
  9. Carl Icahn สายพื้นฐาน  คนนี้แปลกหน่อย  เน้นลงทุนบริษัทที่ดีแต่ผู้บริหารจัดการห่วย  แล้วเข้าไปแก้ไข
  10. William H. Gross ไม่ชัดเจน  แต่เป็นการลงทุนที่มองระยะยาวประมาณ 3-5 ปี  มีชื่อเสียงจากการลงทุนในตราสารหนี้
  11. David Dreman สายพื้นฐาน  เน้นลงทุนหุ้นช่วงราคาตกรุนแรง  เน้น P/E ต่ำๆ
  12. Philip Fisher สายพื้นฐาน  คนนี้เน้นซื้อกิจการที่มีสินค้าบริการโดดเด่น  มีผู้บริหารที่ดีและมีโอกาสเติบโต
  13. Bill Miller สายพื้นฐาน  ให้ความสำคัญกับมูลค่าของกิจการ  อาจซื้อหุ้นที่ราคาสูงตราบที่มองว่ามูลค่าสูงกว่า
  14. William J. O’Neil สายพื้นฐาน  เน้นการหาหุ้นเติบโตเร็ว  กิจการเข้มแข็ง  และกองทุนไม่ค่อยนิยม
  15. James D. Slater (เคยเจ๊งมาก่อน)  สายพื้นฐาน  เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเติบโตเร็ว  นิยมพิจารณา PEG
  16. Michael Steinhardt สายเก็งกำไรจากเศรษฐกิจมหภาค  ลงทุนช่วงสั้น  แต่มีการเตรียมตัวมุมมองระยะยาว
  17. Ralph Wanger สายพื้นฐาน  มองหาบริษัทขนาดเล็กที่ดีมีความเข้มแข็ง  และจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาค
  18. Israel Englander สาย arbitrage  อาศัยช่องว่างทางราคาต่างๆ  ทั้งจากการซื้อกิจการหรือสิทธิ์แปลงสภาพหุ้นก็หรือวอร์แรนต์
  19. James Harris Simons ไม่รู้จะเรียกสายอะไร  แต่เป็นการโปรแกรมคณิตศาสตร์  และใช้คอมพิวเตอร์ซื้อขายอัตโนมัติ
  20. Seth Klarman สายพื้นฐานแต่แปลกหน่อย  เน้นเรื่อง Margin of Safety มากคือซื้ออะไรถูกมากๆไว้ก่อน

และคาดว่ามีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ผมอาจจะไม่ได้พูดถึง  แต่กลุ่มนี้คือเท่าที่หาเจอบนหน้าแรกของ Google หลังจากค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่แจ้ง

จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นนักลงทุนสาย Fundamental หรือสายพื้นฐานก็มีเยอะ  คนที่เป็นสายเก็งกำไรโดยอาศัยโอกาสความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดทุนตลาดเงินก็เยอะ  แต่เอาตามตรงเลยก็คือไม่มีคนไหนที่เป็นนักลงทุนที่อาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคแม้แต่หนึ่งคน  ถ้ามีเวลาผมอยากให้ไปศึกษาจริงจังทำการบ้านเพิ่มเติม  จะพบว่าไม่มีคนไหนในนี้ที่บอกดู MACD อย่างเดียวเลยนะซักคน

สองคนนื้คือที่หาเจอชื่อว่าเคยทำได้ดี  แต่ทำไม่ได้ตลอด  เจ๊งตอนท้าย

  1. Jesse Lauriston Livermore นักเก็งกำไร  น่าจะเป็นสายเทคนิค
  2. Julian Robertson นักเก็งกำไร  ไม่มีใครรู้ว่าใช้วิธีอะไร  แต่ที่แน่ๆแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพื้นฐาน

ทีนี้มาตอบคำถามว่า  ทำไมการลงทุนสายเทคนิคมีคนนิยมกันจัง  ทั้งๆที่ไม่มีผลลัพธ์อะไรโดดเด่นให้เห็น  ผมไม่ทราบคำตอบที่ชัดเจน  แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะ  มันดูง่ายดี  ทุกคนทำได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก  การเดาว่าหุ้นจะราคาขึ้นเพราะที่ผ่านมาราคาขึ้นมันง่าย  การหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาตกก็ง่ายและสอดคล้องกับความกลัวของคนอยู่แล้วด้วย

ผมก็ยอมรับว่าในช่วงแรกก็เคยพยายามดูกราฟเทคนิคเหมือนกัน  และยอมรับว่าช่วงหนึ่งเชื่อว่ามันได้ผล  มันเป็นแนวการลงทุนที่น่าดึงดูดนะผมว่า  การลงทุนแนวนี้สนุกน่าตื่นเต้นด้วย  แม้แต่นักลงทุนอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Warren Buffett ก็ยอมรับว่าเคยใช้เวลาหลายปีศึกษาก่อนที่จะสรุปว่ามันไม่ได้ผล

“I realized that technical analysis didn’t work when I turned the chart upside down and didn’t get a different answer.”

Warren Buffett