ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนมาก เรามีมุมมองยังไง ?
ช่วงที่ผ่านมามีคนถามหลายคนเรื่องตลาดหุ้นตกว่าเราคิดยังไง โดยเฉพาะพวกหุ้นเทคโนโลยีที่ดูผันผวนตกทีนึกตกแรงมาก เช่นอย่าง Meta Platforms กับ Paypal ที่ตกแบบ 20-25% ในวันเดียว
เหมือนเดิมกับทุกครั้งคือผมแนะนำว่าเวลาตลาดตกเนี่ย เราต้องไม่ไป emotional ครับ เราใจเย็นๆนิดนึงส่วนใหญ่เราก็จะพบว่าไม่ได้มีอะไรนะ
ก่อนอื่นตั้งคำถามในหัวก่อน สถานการณ์ในเวลานี้ที่บอกว่าตลาดตกนี่ มันมีอะไรมากระทบกับบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่หรือเปล่า ช่วงนี้มีอะไร ภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังฟื้นตัวต่อเนื่องนะ การจ้างงานของ US ก็ดีขึ้นกว่าที่คาดด้วยซ้ำ โควิดที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาตั้งแต่แรกก็ดูไม่รุนแรงในเวลานี้ ที่จะเห็นคนพูดกันเยอะก็มีแค่เงินเฟ้อ, ธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะที่คนตามกันเยอะอย่าง Fed จะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น กับเรื่องทหารรัสเซียตรงพรมแดนยูเครน สองเรื่องนี้มันมีผลกระทบอะไรกับบริษัทที่เราถืออยู่หรือเปล่า
เรื่องเงินเฟ้อ อันนี้ต้องพิจารณาบริษัทที่เราถือละ เพราะมันมีผลกระทบไม่เท่าเทียมกัน ถ้าบริษัทที่เราถือเลือกมาดีแล้วเป็นบริษัทที่มีอำนาจบังคับผู้บริโภค เค้าจะสามารถผลักภาระต่อไปได้ครับและดังนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไหร่
การที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ย มันก็อาจจะมีผลบ้างคือเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมในอนาคตของบริษัทถูกมะ แต่มันเยอะอะไรขนาดนั้นเลยหรือเปล่า นึกภาพว่าก่อนหน้าวิกฤติโควิดอัตราดอกเบี้ยมันก็สูงกว่านี้อยู่แล้วนี่ แล้วบริษัทที่เราถืออยู่นี่เป็นบริษัทหนี้เยอะขนาดนั้นเลยมั้ย แบบค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยนี่เป็นสัดส่วนใหญ่มากของรายได้หรือเปล่า มันเป็นอะไรที่เราต้องกังวลเหรอ จริงๆส่วนใหญ่กู้ยืมเงินระยะยาวล็อคอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำไว้อีกหลายปีด้วยซ้ำ แล้วจริงๆการที่เค้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็เพื่อควบคุมเงินเฟ้อมั้ย ก่อนหน้านี้ก็มีคนด่าว่าทำไมขึ้นดอกเบี้ยช้าจังเงินเฟ้อเลยพุ่ง พอตอนนี้เค้ามาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ระดับปกติเศรษฐกิจไม่ overheat เราก็ด่าเค้าอยู่ดีนี่มันยังไง
อีกอย่างที่คนพูดถึงก็จะเป็นเรื่อง discount rate ที่สูงขึ้นเวลาประเมินมูลค่าหุ้นออกมาก็จะได้มูลค่าที่ต่ำลง หรือพูดอีกแบบนึงคือพออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น การลงทุนในตราสารหนี้ก็ดูน่าสนมากขึ้นก็เลยอาจจะทำให้คนบางส่วนดึงเงินออกจากหุ้นไปลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจได้นะ ในทางทฤษฎีมันก็จะมีผลเยอะเป็นพิเศษกับบริษัทพวกทีกว่าจะกำไรยังอีกนาน cash flow อยู่ในอนาคตไกลๆ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราถือหุ้นอะไรละ ถ้าหุ้นที่เราถืออยู่ไม่ได้มีลักษณะแบบนั้น เป็นธุรกิจที่ทำได้ดีอยู่แล้วและเราเชื่อว่าจะทำได้ดีต่อไปแล้วก็ดูดีละว่าซื้อมาราคาไม่แพงเว่อร์ ประเด็นเรื่อง discount rate นี้ก็จะมีผลกับหุ้นเราไม่เยอะและเราก็ไม่ควรต้องสนใจ noise เล็กน้อยพวกนี้
สุดท้ายเรื่องความเสี่ยงสงคราม นึกภาพว่าเกิดรบกันยิงจริงจังขึ้นมา ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ออกแนวเสียหายทั้งสองฝ่ายและเสี่ยงบานปลายมากกว่า เอาจริงๆเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีความตั้งใจจะให้เกิดสงครามแหละ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะควรติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ในเวลานี้ก็ไม่ได้มีอะไรนี่
เมื่อเทียบเรื่องเหล่านี้กับภาพรวมที่ก็เห็นอยู่ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น เราควรจะแตกตื่นจริงๆเหรอ จริงๆผมว่าเราควรจะดีใจนะที่มีคนแตกตื่นตลาดผันผวน เผื่อเราจะได้ซื้ออะไรน่าสนใจครับ