ล็อคดาวน์ยุโรปรอบ 2, ประท้วงในไทย, ลงทุนยังไงต่อดี ? – 3 พฤศจิกายน 2563
มีนักเรียนที่เค้าเริ่มบอกจิตเริ่มแกว่งเพราะช่วงที่ผ่านมาเห็นตลาดหุ้นโดยรวมตกลงมา เค้าถามความเห็นว่าแบบนี้เป็นโอกาสในวิกฤติหรือเป็นวิกฤติซ้ำซ้อน เศรษฐกิจเมื่อไหร่ถึงจะฟื้น
วีดิโอนี้เรามาคุยสถานการณ์ภาพรวม, อะไรเกิดขึ้นแล้ว, อะไรน่าจะเกิดขึ้นต่อไป แล้วเราควรจะลงทุนยังไงดี
สิ่งที่เกิดขึ้น
- ไทยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน แต่การท่องเที่ยวแน่นอนยังไม่ฟื้น
- มีเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองเพิ่มขึ้น
- ส่วนทั่วโลก ถ้าดูเรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเห็นว่าดีขึ้น มีการฟื้นตัวชัดเจนทั้งการบริโภคและการผลิต
- จีนนี่ไม่ใช่แค่ฟื้นตัว แต่ถึงขึ้นมีเศรษฐกิจโตเทียบกับปีที่แล้วด้วยซ้ำ
- การกลับมาระบาดของ COVID-19 เริ่มเยอะจนประเทศในยุโรปหลายประเทศเช่นฝรั่งเศส, เยอรมณี, อังกฤษกลับมาทำ National lockdown ปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นอีกรอบ
- อเมริกาก็ยังระบาดรุนแรงอยู่ ไม่ได้มีการปิดธุรกิจแต่บางรัฐเห็นในข่าวมีการสั่งห้าม indoor dining แล้ว
- อเมริกากำลังจะมีเลือกตั้งวันนี้เลย Nov 3
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ บางส่วนก็น่าจะเป็น noise ไม่มีอะไร สิ่งที่คิดว่ามีผลทำให้ตลาดตกในช่วงที่ผ่านมาคือเรื่องการทำ national lockdown ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลหลายประเทศก็บอกว่าจะไม่ทำเพราะมันจะมีผลต่อเศรษฐกิจ ตอนนี้พอทำก็เลยอาจจะผิดคาดสำหรับคนที่หวังว่าจะไม่มีแล้วจนถึงวัคซีนออกมา และอีกอย่างนึงคือมันก็มีผลกระทบกับเศรษฐกิจจริงๆแหละ ธุรกิจที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนอาจจะคิดว่ารอดไม่เจ๊งแน่นอนแล้วอย่างพวกร้านอาหารก็กลับไปเสี่ยงเจ๊งได้อีก
อะไรน่าจะเกิดขึ้นต่อไป
- ประเทศอื่นที่ยังไม่ทำ National lockdown สุดท้ายคงไม่มีทางเลือกต้องทำแหละ ไม่งั้นผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลจะทำยังไง
- และการทำ National lockdown ก็แน่นอนจะมีผลต่อเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นแล้วให้ทรุดกลับลงไป
- เรื่องอื่นๆดูไม่มีสาระสำคัญ
- การเมืองไทย ถ้ามองย้อนไปจะพบว่าเหตุการณ์รัฐประหารหรือความรุนแรงตอนม๊อบเสื้อแดงที่มีเผาไม่ได้มีผลต่อตลาดหุ้น ดังนั้นเรื่องนี้ก็ตัดไปไม่ได้มีสาระสำคัญ
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ก็เป็นเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่คนก็รู้ว่ามันจะไม่กลับไปสมบูรณ์เหมือนก่อน COVID-19 จนกว่าปัญหาจะจบถาวร ดังนั้นประเด็นนี้ก็ไม่น่าจะมีสาระสำคัญ
- เลือกตั้งสหรัฐ ใครซักคนก็จะชนะ ถ้า Trump ชนะก็ดำเนินนโยบายเหมือนเดิมซึ่งตลาดก็รู้อยู่แล้ว ถ้า Biden ชนะตลาดก็ไม่น่าจะตกใจเพราะก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะมีสาระสำคัญ
- กำหนดการของวัคซีนดูเหมือนเดิม ดูน่าจะได้ข้อสรุปจากการทดลองในคน Phase 3 ภายในปลายปีนี้เดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม และหลังจากนั้นถ้าสรุปคือใช้ได้ปลอดภัยก็จะต้องมีการเร่งการผลิตและกระจายใช้เวลาซักพักหนึ่ง
แล้วเราควรลงทุนยังไง
ในความเห็นผม สิ่งที่เราควรทำก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งคือฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ตลาดตกแบบนี้ เราควรเห็นมันเป็นโอกาส ผมสรุปประเด็นสำคัญมีดังนี้
- สุดท้าย COVID-19 ก็เป็นปัญหาชั่วคราว ปัญหานี้จะจบก็ต่อเมื่อมียาหรือวัคซีนคนถึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ การท่องเที่ยวการเดินทางถึงจะมีโอกาสฟื้น
- แนวโน้มวัคซีนก็ยังตามกำหนดการเดิม
- ดังนั้นภาพรวมกลยุทธ์ก็ยังเหมือนเดิมคือ เรามองหาธุรกิจที่ปกติแล้วเข้มแข็งทำได้ดี แต่ดันได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ราคาตกรุนแรง แล้วเราเชื่อว่ามันจะรอดจากวิกฤติไปได้และกลับไปทำได้ดี อย่างส่วนตัวผมเกณฑ์ที่บอกว่าคิดว่ามันจะรอดคือ ดูว่ามีเงินสดเหลือมากพอที่จะรอดแบบกรณีเลวร้ายสุดไปได้ถึงอย่างน้อยครึ่งปีหน้า
- แต่ทั้งนี้เราก็ต้องระวังมากขึ้นตรงที่ ถ้าเราซื้อบริษัทในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจาก National lockdown เราก็ต้องเผื่อ worst case ว่าไตรมาส 4 ก็จะต้องอนาถพอๆกับไตรมาส 2 คือเราต้องดูว่ามันมีเงินสดมากพอที่จะรอด
สรุป
สรุปสุดท้ายสิ่งที่จะฝากโดยเฉพาะกับนักเรียนผมเลยนะคือ มองออกไปไกลหน่อย อย่าไปมองอะไรระยะสั้นๆแบบนักลงทุนทั่วไปทำเพราะสุดท้ายเราก็ไม่รู้อยู่ดี เอาจริงๆไม่มีใครรู้หรอกอย่างตอนฝรั่งเศสประกาศ Lockdown ตลาดตก พอมาอังกฤษประกาศ Lockdown ซึ่งคือเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง วันจันทร์ปรากฎว่าตลาดขึ้น มันมั่วๆแบบนี้แหละครับ ดังนั้นอย่าไปเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระมองอะไรสั้นๆ มองข้ามช็อตไปไกลหน่อยแล้วดักทางคนอื่นก่อนเลย
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg
ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/
หรือ ทดลองเรียนฟรี