จะประมาณการเติบโตของบริษัทยังไงดี ?
อันนี้เป็นคำถามต่อเนื่องจากหัวข้อเรื่องการประเมินมูลค่าหุ้น Discounted cash flow มีคนถามว่าเราจะประมาณการเติบโตของบริษัทไปในอนาคตยังไงดี
เหมือนอย่างที่บอกในวีดิโออันก่อนๆว่าสมมติฐานเรื่อง growth กับ discount rate ที่ใช้มีผลต่อมูลค่าหุ้นที่ได้ออกมาเยอะมาก และมันก็เป็นอะไรที่แล้วแต่คนทำมาก คือมันก็มีทฤษฎีมีสูตรว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ดีนู่นนี่นะ แต่สุดท้ายไม่มีใครรู้จริงๆหรอก เพราะ growth มันเป็นเรื่องของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและมันไม่มีใครรู้อนาคตไงนึกออกมะ ส่วน discount rate ตามคอนเซปต์ควรจะเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของหุ้นนั้น ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะวัดยังไงว่าหุ้นนั้นเสี่ยงมากหรือน้อยอีก ดังนั้นย้ำอีกทีว่า growth กับ discount rate นี่มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยตายตัว ทำได้แค่กะๆเท่านั้น ไม่มีคำว่าแม่นยำ
ทีนี้เข้าเรื่อง โดยปกติวิธีที่เค้าทำกันก็จะมีประมาณนี้
- ใช้ตัวเลขของนักวิเคราะห์
- ใช้ historical growth rate ของกำไรตรงๆ
- ใช้ sustainable growth rate
- ใช้การเดาอนาคตอุตสาหกรรม, ส่วนแบ่งการตลาดและปัจจัยเชิงคุณภาพอื่นๆของบริษัท
- อื่นๆ คนก็มีไอเดียอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะแหละ
ซึ่งอาจจะเป็นของเจ้าใดเจ้าหนึ่งหรือจะเป็นการเฉลี่ยของหลายเจ้าก็แล้วแต่ ข้อดีคือเราคาดหวังว่านักวิเคราะห์จะศึกษาและติดตามบริษัทที่เค้าเขียนบทวิเคราะห์ดังนั้นอาจจะทำการคาดการณ์ได้ดีกว่าเรา ข้อเสียคือบางทีเราไม่รู้ที่มาของสมมติฐานอะไรของเค้าเลย
จะใช้เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีหรือ 10 ปีอะไรก็แล้วแต่ โดยปกติจะใช้ช่วงเวลาที่มองว่าใกล้เคียงปัจจุบัน จะมีประโยชน์ในกรณีที่เราคิดว่าสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก เหตุใดที่ทำให้บริษัทโตในช่วงที่ผ่านมาจะยังดำเนินต่อไป
ROE*(1-dividend payout ratio)
อันนี้จริงๆก็อาศัยอดีตในการเดา growth เหมือนกัน สมมติฐานก็คือบริษัทเติบโตจากการที่ทำกำไรนะแล้วก็กำไรส่วนที่สะสมไว้ไม่ได้จ่ายเป็นปันผลออกมาไปลงทุนต่อนะ
ส่วนตัวแล้วสิ่งที่ผมทำคือศึกษาตัวบริษัทก่อน แล้วก็สรุปออกมาว่าเท่าที่เห็นนี่บริษัทน่าจะทำได้ดีใกล้เคียงเดิมมั้ย น่าจะโตเร็วขึ้นมั้ย หรือน่าจะโตช้า หลังจากนั้นก็ใช้ expectation อันนี้ไปปรับกับการเติบโตในอดีตอีกที ซึ่งปกติก็ใช้ historical growth rate หรือ sustainable growth rate เป็นตัวตั้ง เช่นสมมติเฉลี่ยที่ผ่านมาบริษัทโตปีละ 8% ด้วยการศึกษาสถานการณ์ตอนนี้ผมว่ามันน่าจะโตช้าลงนะ growth rate ที่ใช้ประมาณไปในอนาคตก็อาจจะเหลือ 6-7% ต่อปีแทนอะไรงี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นการกะคร่าวๆเท่านั้น ไม่มีคำว่าแม่นยำอยู่แล้ว แต่คนที่จะเดาได้ใกล้เคียงกว่าก็คือคนที่เข้าใจธุรกิจและความเป็นไปของบริษัทน่ะครับ ถึงได้พยายามย้ำว่าอย่ามัวแต่งมสูตรอะไรไร้สาระแล้วเอาเวลาไปทำความเข้าใจตัวบริษัทดีกว่า
สรุปคือไอเดียวิธีการมันก็มีประมาณนี้แหละ คุณอยากใช้วิธีไหนก็ได้แล้วแต่เลย เอาที่รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลสำหรับคุณก็คือใช้ได้ แค่อย่าเผลอไปคิดว่ามันจะแม่นหรือเผลอไปเสียเวลาเยอะแยะกับความพยายามเรียนสูตรนู่นนี่นั่นเท่านั้นเองครับ
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg
ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/
หรือ ทดลองเรียนฟรี