ทำไงให้พอร์ตเกษียณไม่พังจากตลาดตก ?
ทำไงให้พอร์ตเกษียณไม่พังจากตลาดตก
วีดิโอนี้เป็นคำถามต่อเนื่องจากวีดิโอรอบที่แล้วที่พูดถึงการจัดการเงินสำหรับการเกษียณครับ มีคนถามว่าในช่วงเวลาตลาดหุ้นตกรุนแรง เราจะมีวิธีจัดการอย่างไรให้เงินลงทุนของเราไม่พัง
ผมก็เข้าใจความเป็นห่วงนะ และเดี๋ยวตอบโดยแบ่งคนเป็นช่วงอายุ 3 ช่วง เพราะแต่ละช่วงอายุผมว่าสิ่งที่ควรทำมันไม่เหมือนกัน
สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 40 ปี
เอาจริงๆคือยังอยู่ในช่วงที่กำลังสะสมทรัพย์สินอยู่ มีเวลาลงทุนอีกซักพักใหญ่
ทำให้กลุ่มนี้น่าเป็นห่วงน้อยสุด
จะมีเพียงความเสียหายทางจิตวิทยาที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากหน่อย แต่เป้าหมายของพอร์ตไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะยังมีเวลาอีกหลายปีกว่าที่จะเกษียณ
เรื่องสำคัญตอนนี้น่าจะคือการโฟกัสไปยังสิ่งที่เราควบคุมได้ ซึ่งคืออัตราการออม
ในช่วงที่ตลาดตกรุนแรง อัตราการออมเราเท่าเดิมแต่เราจะซื้อหุ้นได้เยอะขึ้น ถ้าเป็นไปได้เราควรจะเช็คดูว่าเราสามารถเพิ่มอัตราการออมขึ้นอีกได้มั้ย
อีกอย่างที่ควรทำคือเช็คสัดส่วนการลงทุน (allocation) ของสินทรัพย์ไม่หลุดออกจากเป้าหมายมากนัก การ rebalance ในช่วงนี้ก็จะเป็นเหมือนการซื้อสินทรัพย์ที่ราคาตกลงมาเยอะกว่า เหมือนอารมณ์ซื้อของถูก
สำหรับกลุ่มคนอายุ 41 – 55 คือยังไม่เกษียณแต่ใกล้ ๆ ละ
เรื่องที่เหมือนกับช่วงอายุแรกคือ ยังไงก็ยังให้ความสำคัญ กับอัตราการออม การออมเพิ่มในเวลานี้จะส่งผลไปในอนาคตอีกไกล ถ้าเป็นไปได้ไหนสมมติเราไม่มีภาระอะไร ลองดูว่าเราสามารถเพิ่มอัตราการออมขึ้นอีกได้มั้ย
ช่วงอายุนี้ สัดส่วน allocation เป็นเรื่องสำคัญสุด ถ้าเป็นไปได้เราควรจะต้องมีสัดส่วนที่มีสมดุลระหว่างสินทรัพย์ปลอดภัยกับเสี่ยงมากขึ้น อาจจะทยอยลดหุ้นไปเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง ตามอายุที่เข้าใกล้การเกษียณมากขึ้น
หรือถ้าใกล้ปีเกษียณมากแล้ว อาจจะควรเริ่มมีส่วนที่เป็นเงินสดบ้าง
โดยรวม หลักสำคัญสำหรับช่วงอายุนี้คือ ”ความสมดุล”
และสำหรับคนวัยนี้ การวางแผนเกษียณควรจะเป็นเรื่องที่ต้องลงรายละเอียดจริงจังแล้ว เช่น
ประมาณเงินที่ต้องใช้ เผื่อพวกเรื่องพิเศษด้วยเช่น ซื้อรถใหม่, ซ่อมบ้าน, ฯลฯ
จะย้ายถิ่นที่อยู่ไหม หรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ ๆ กับการดำเนินชีวิตมั้ย
ควรจะถอนเงินมาใช้ด้วยอัตราเท่าไหร่ดี หลังวันที่เราไม่มีรายได้ประจำแล้ว
สำหรับกลุ่มที่เกษียณอยู่แล้ว (55+)
สำหรับคนที่เกษียณอยู่ สิ่งที่จะควบคุมได้ก็คืออัตราในการถอนเงินมาใช้
จากงานวิจัยที่เราศึกษา การที่เราสามารถที่จะมีความยืดหยุ่นในการถอนเงินได้จะทำให้เราได้เปรียบกว่าการถอนแบบคงที่ เช่นถ้าสมมติเป็นช่วงตลาดกำไรดี เราก็อาจจะถอนออกมาใช้เยอะหน่อยได้ และถ้าเป็นช่วงตลาดตก เราก็อาจจะถอนออกมาน้อยหน่อย แต่ก็ต้องสัมพันธ์กับเงินต้นคงเหลือที่จะเพียงพอให้มีสำรองใช้ไปนาน ๆ เช่นกัน
โดยรวมแล้วเราควรจะพิจารณาปีที่ผ่านมาเต็มปีว่าความเหมาะสมของการถอนคือเท่าไหร่ และอาจจะดูด้วยว่าจะลดออกจากสัดส่วนสินทรัพย์ใด จึงจะเหมาะสมที่สุด (เช่น ปีนี้หุ้นลงทั้งปี แต่ปัจจัยยังดีอยู่ก็อาจขายส่วนหุ้น น้อยหน่อย แต่ไปขายมากขึ้นในส่วนตราสารหนี้แทน เป็นต้น)
ในพอร์ตควรจะมีเงินสดหรือตราสารหนี้ระยะสั้นความเสี่ยงต่ำไว้ตลอด เพื่อสำรองค่าใช้จ่ายระหว่างทาง และยามฉุกเฉิน
สุดท้ายที่สำคัญคือ พยายามอย่าติดตามข่าวมากนัก ให้ยึดและเดินตามแผนเกษียณที่วางไว้จะดีกว่า คนที่ติดตามข่าวสารมากไปจะรู้สึกว่าต้องลงมือทำอะไรซักอย่างอยู่ตลอด ซึ่งเป็นอันตรายกับแผนเกษียณมากกว่าจะเป็นเรื่องดี
ขอให้นึกไว้เสมอว่าเหตุการณ์ตอนนี้ไม่ใช่วันสิ้นโลก เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวและคนเรายังจะพยายามทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นพัฒนาต่อไป
หวังว่าจะช่วยคลายความกังวลลงได้ มีแนวทางยึดแผนเดิมต่อไป ไม่ต้องคอยซื้อตามข่าวตลาดอยู่ตลอดเวลาครับ
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg
ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/
หรือ ทดลองเรียนฟรี