อ่านงบบัญชีอย่างเดียว โดยไม่ศึกษาธุรกิจได้มั้ย ??
โดยปกติผมจะบอกว่าเวลาเรามองธุรกิจที่ยอดเยี่ยมให้ดูที่ลักษณะธุรกิจที่เค้าทำแล้วพยายามทำความเข้าใจว่าบริษัทนั้นมีอำนาจในการบังคับผู้บริโภคหรือเปล่าก่อน หลังจากคิดว่าบริษัทนั้นมีอำนาจแล้วค่อยไปดูผลการดำเนินงานอีกทีว่ามันสอดคล้องกับสิ่งที่เราคิดมั้ย ซึ่งถ้ามันเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจริงมันจะต้องผ่านทั้งสองเรื่องแหละ เพราะธุรกิจที่มีอำนาจบังคับผู้บริโภคได้ก็จะทำกำไรได้ดีด้วย
แต่ทีนี้มีคนถามว่าเค้าไม่ถนัดการดูลักษณะธุรกิจ สมมติใช้วิธีดูงบการเงินอย่างเดียว เช่นดูเทรนด์ของรายได้กับกำไรย้อนหลัง 10 ปีแทนการดูลักษณะธุรกิจเลยได้มั้ย เพราะยังไงธุรกิจที่ดีมันก็ต้องมีผลการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้วนี่ เราก็ดูตัวเลขไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมากเลยนะครับ ต้องชมคนถามจริงๆ
ตอบตามตรงเลยคือถ้าเปิดดูงบการเงินเพื่อใช้กรองดูว่าน่าสนใจจะไปศึกษาจริงจังต่อมั้ยอันนี้ผมว่าโอเคไม่มีปัญหา แต่ถ้าสมมติจะซื้อหุ้นเลยโดยที่ไม่ทำความเข้าใจลักษณะธุรกิจให้ดีก่อนผมแนะนำว่าอย่าดีกว่าครับ เพราะผมก็เคยทำแบบนั้นมาก่อนเหมือนกันครับ แต่ผมพบว่าทำแบบนั้นมันยังมีช่องโหว่ทำให้เกิดความพลาดได้อยู่ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
- บริษัทอาจจะไม่มีอำนาจ แต่ช่วงที่ผ่านมาบังเอิญเป็นช่วงอุตสาหกรรมนั้นบูมพอดี
เราอาจจะโดนหลอกได้ อันนี้เป็นอะไรที่ไม่ได้เจอบ่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าดูย้อนหลัง 10 ปี แต่ก็เป็นไปได้อยู่นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2009-2018) มันเป็นช่วงฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจดังนั้นหลายบริษัทก็จะดูเป็นทิศทางขาขึ้น
ตัวอย่างเช่น Trucking ในอเมริกาตอนนี้ดูดีมากทุกบริษัทเพราะ E-Commerce บูม
หรืออย่างกลุ่มธนาคารในจีนก็จะดูดีมาก เพราะช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโต ธนาคารไหนก็ดูดี
- ธุรกิจบางประเภทจะถูกตัดออกไปเพราะตัวเลขอัตราส่วนทางบัญชีดูไม่ดี หรือบางบริษัทก็จะดูดีมากทั้งที่มันก็ธรรมดาในธุรกิจประเภทนั้น
ต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของธุรกิจที่ต่างกันจะทำให้ตัวเลขอัตราส่วนทางบัญชีบางตัวต่างกันมาก เอาง่ายๆอย่าง Net Profit Margin ที่ต่ำไม่ได้แปลว่ามันจะต้องไม่ดีเสมอไป อย่าง Makro อยู่ 3% หรือ Costco อยู่ 1% พวกนี้ธุรกิจเข้มแข็งมากแทบไม่มีคู่แข่งที่ทำแบบเดียวกัน
ธุรกิจธนาคารก็เป็นอีกตัวที่ต่างมาก ROE ธนาคารมันสูงกว่าธุรกิจอื่นดังนั้นจะดูดีมาก แต่ถ้าดูพวกอัตราส่วนเกี่ยวกับหนี้ก็จะบอกว่าบริษัทบ้าอะไรเสี่ยงมาก ROA ก็จะต่ำมากโดยปกติเกิน 1% ก็เยี่ยมละ
- บางบริษัทที่มีอำนาจผลประกอบการขึ้นลงเพราะใหญ่จัด
บางบริษัทที่เข้มแข็งมากก็มีผลประกอบการแกว่งขึ้นลงตามสภาพเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ อย่าง Thor
- และที่เลวร้ายสุดเลยคือเจอบริษัทที่ทำงบบัญชีหลอก
สุดท้ายบริษัทมันก็โดนจับได้แหละ แต่เราอาจจะโดนหลอกไปก่อนแล้ว
ผมเคยเจอบริษัทในอินเดียที่ผลประกอบการดูดีมาก เป็นทิศทางเติบโตสม่ำเสมอ แต่ที่เอะใจคือมันเป็นบริษัทขายข้าว ซึ่งในหัวผมคือมันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะสม่ำเสมอขนาดนี้ในเมื่อเราก็รู้อยู่ว่าสินค้าเกษตรราคาเปลี่ยนแปลงทุกปีผลผลิตเปลี่ยนแปลงทุกปี บริษัทมันจะสม่ำเสมออะไรขนาดนั้น ก็เลยไม่ได้ซื้อหรือดูต่อ แล้วผ่านไปซักพักก็ได้ข่าวบริษัทนี้ผู้บริหารโดนจับครับ
ดังนั้นกล่าวโดยสรุปคือผมแนะนำว่ายังไงก็ต้องดูพิจารณาตัวธุรกิจครับ คือถ้าจะกรองหยาบๆด้วยการเปิดงบการเงินย้อนหลังดูนี่ผมโอเคนะ ไม่มีปัญหาเลยทำตามสบาย แต่เหนื่อยหน่อยเพราะถ้าเริ่มด้วยการดูงบการเงินมันก็จะกลายเป็นว่าต้องเปิดดูทุกตัวใช่มั้ยครับ แทนที่จะเป็นเริ่มจากธุรกิจที่เราคิดว่าน่าสนใจมีอำนาจแล้วค่อยไปดูงบการเงินคอนเฟิร์มเฉพาะตัวที่เราสนใจ แต่ถ้าจะตัดสินใจซื้อหุ้นเลยแบบเอาเงินจริงไปลงทุนในบริษัทเลยแต่ไม่ได้พยายามทำความเข้าใจลักษณะธุรกิจนี่ผมไม่เห็นด้วยครับ เคยทำละครับไม่เวิร์คครับ เตือนด้วยความหวังดี
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg