เหตุการณ์แบบไหนที่เราต้องแคร์ ?
วีดิโออันนี้ เราจะคุยเรื่อง เหตุการณ์แบบไหนที่เราควรจะต้องแคร์บ้าง
วีดิโอหัวข้อนี้เริ่มจากการที่มีคนถามเกี่ยวกับหุ้นจีน แล้วเค้าก็ยกสาเหตุที่ทำให้หุ้นจีนตกขึ้นมาชุดนึง และบอกว่ามันคงจะกระทบพื้นฐานบริษัทไปพอสมควร แบบนี้ควรจะลงทุนมั้ยหรือขายหรือยังไง ผมสังเกตว่าสาเหตุมันดูมั่วๆไงไม่รู้เกี่ยวบ้างไม่เกี่ยวบ้าง ก็เลยทำวีดิโออันนี้ขึ้นมาครับ
ปัจจัยหรือเรื่องอะไรซักเรื่อง มันจะมีผลกับบริษัทได้อยู่หลายแบบดังนี้
1. ไม่มีผล
2. มีผลกับราคาหุ้นเฉยๆ
3. มีผลกับผลประกอบการของบริษัท แต่ไม่ใช่อะไรถาวร
4. มีผลกับผลประกอบการของบริษัทแบบถาวร
เพื่อความเข้าใจตรงกัน จุดยืนเวลาผมลงทุนนี่มันง่ายมาก ย้ำอีกรอบนะ คือผมฉวยโอกาสซื้อหุ้นที่ดีในราคาที่ถูกผิดปกติโดยอาศัยตอนคนเค้าตกใจกัน โดยผมก็จะพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นตกนั่นมันมีผลอะไรถาวรกับบริษัทหรือเปล่า ถ้าไม่มีหรือมีผลชั่วคราวก็ยอดเยี่ยมเลย เพราะผมลงทุนระยะยาวรอได้อยู่ละ เราลงทุนข้ามช็อตดักคนอื่นไปก่อนเลย
ดังนั้นจะสังเกตว่า คีย์เวิร์ดคือมีผลกับผลประกอบการของบริษัทแบบถาวรมั้ย แค่นั้น ที่เหลือนอกจากนั้นคือเรื่องไร้สาระที่ผมจะปล่อยให้พวกที่ถือยาวไม่ได้ความอดทนไม่ถึงเค้าคุยกันไปครับ
และเวลาเราพูดถึงว่าอะไรซักเรื่องกระทบกับพื้นฐานของบริษัท ทำให้หุ้นพื้นฐานเปลี่ยนนะ เรากำลังพูดถึงว่าเรื่องนั้นมีผลกับผลประกอบการของบริษัทแบบถาวรครับ แบบอื่นเค้าไม่เรียกว่ากระทบพื้นฐานของบริษัทครับ
ทีนี้เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เดี๋ยวเราเอาตัวอย่างขึ้นมาพูดถึงซิ อย่างเคสที่มีคนถามที่เค้าถามถึงหุ้นจีนโดยรวม และพูดถึงเหตุการณ์ต่างๆดังนี้
รัฐบาลจีนกดดันบริษัทใหญ่
อันนี้ไม่มีรายละเอียดว่าพูดถึงอะไร แต่พอเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นนโยบายรัฐบาลที่เพ่งเล็งไปที่ธุรกิจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อย่างเคสนี้ถือเป็นปัญหาถาวรมั้ย
สมมติพูดถึงหุ้นจีนโดยรวม ซึ่งเป็นมุมมองระดับประเทศรวมทุกอุตสาหกรรมอยู่ในนั้น ก็ชัดเจนอยู่แล้วมั้ยว่าไม่เป็นสาระ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แบบว่าเศรษฐกิจจีนจะเละหรืออะไร
แต่ถ้าดูในระดับบริษัท สำหรับธุรกิจที่โดนเพ่งเล็ง ถ้ารัฐบาลจีนปรับเงินเฉยๆ อันนี้ก็อาจจะไม่ใช่ถาวร แต่ถ้ารัฐบาลจีนออกนโยบายที่มันกระทบทำให้ลูกค้าไม่ซื้อของอันนี้จะเป็นถาวรละ เช่นบอกจำกัดไม่ให้เด็กเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมหรือเสาร์อาทิตย์อะไรแบบนั้น บริษัทที่เป็นกวดวิชาก็คือเละ ห้ามเด็กเล่นเกม บริษัทที่ทำเกมก็เดือดร้อน
ส่วนบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกลุ่มที่โดนเพ่งเล็ง ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาถาวร เผลอๆไม่เกี่ยวกับผลประกอบการด้วยซ้ำ
Zero Covid
อันนี้มันก็ชั่วคราวตั้งแต่นโยบายละนี่ ก็ชัดอยู่แล้วว่าไม่ใช่อะไรถาวรแน่
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ล้ม
ในระดับประเทศ เรื่องนี้มันทำให้ความสามารถในการแข่งขันของจีนลดลงหรืออะไรมะ ไม่อยู่แล้วนี่ ดังนั้นก็ไม่ใช่อะไรถาวร ระยะสั้นอาจจะมีก็ได้นะ ถ้ารัฐบาลไม่ระวังปล่อยให้มันลามไปกระทบกลุ่มธุรกิจอื่น แบบธนาคารเจ๊งตามหรืออะไร แต่ก็ไม่ใช่อะไรถาวรสำหรับระดับประเทศอยู่ดี
ส่วนระดับบริษัท อาจจะมีผลกระทบถาวรกับบางบริษัทได้ เช่นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัยพ์ที่เจ๊ง หรือบริษัทที่เเกี่ยวข้องเป็นเจ้าหนี้อยู่เลยเจ๊งตาม อะไรประมาณนั้น พวกเจ๊งเลยนี่ก็จะปัญหาถาวร
ส่วนพวกธุรกิจที่ไม่เกี่ยวก็แทบไม่มีผล อย่างมากมีผลก็ชั่วคราวอีกอยู่ดี
สงครามรัสเซีย-ยูเครน
ก็ชัดเจนว่าชั่วคราวอยู่แล้วมั้ย หรือเชื่อว่าสงครามนี่มันคือจะเป็นปัญหาถาวรที่จะรบกันไปเรื่อยๆ แล้วจีนนี่เดือดร้อนยังไงนะ ซื้อพลังงานจากรัสเซียปกตินี่
ตึงเครียดไต้หวัน
แล้วมันยังไงรึ คือมีผลกับผลประกอบการของบริษัทไหนยังไงเหรอ อาจมีบางบริษัทที่นำเข้าสินค้าจากไต้หวันมั้ง แต่เค้าก็ไปนำเข้าจากที่อื่นครับ
แต่สมมติมันกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมางี้ โอเคอันนี้เริ่มดูจะถาวรละ คือเราไม่รู้เลยว่าจบสงครามบริษัทที่เราถือหุ้นนี่มันจะยังอยู่มั้ย แบบนี้ค่อยเกี่ยวหน่อย
Delist หุ้นออกจากตลาดหุ้นในอเมริกา
แล้วไงอีกเช่นกัน คือบริษัทพวกนั้นมันจะขายของได้น้อยลงหรืออะไร ถ้าไม่ได้ list อยู่ในตลาดหุ้น US น่ะนะ
ดังนั้นสรุปคือเราต้องมองไปที่ผลประกอบการของบริษัทเป็นหลัก สิ่งที่มันซีเรียสที่เราต้องแคร์คือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบถาวรกับผลประกอบการของบริษัทครับ ที่เหลือคือไม่มีสาระอะไร และถ้าเราเป็นนักลงทุนระยะยาวนี่ จริงๆเราต้องเฮที่มีเหตุการณ์ชั่วคราวพวกนี้ด้วยซ้ำครับ ไม่งั้นเราจะฉวยโอกาสจากอะไรเหรอ
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg
ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/
หรือ ทดลองเรียนฟรี