อย่างที่ทุกคนทราบ การวิเคราะห์ทางเทคนิคมันเป็นอะไรที่มีมานานแล้วและเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก มันน่าจะมีผลลัพธ์ชัดเจนวัดได้จากการที่มีนักลงทุนประสบความสำเร็จด้วยการลงทุนสายนี้มากมาย ดังนั้นการพิสูจน์ที่ดีที่สุดเลยคือเราเอานักลงทุนกลุ่มที่ทำได้ดีระดับโลกผลงานโดดเด่นเป็นสิบๆปีมาพิจารณา ดูว่ามีที่เป็นสายวิเคราะห์เทคนิคเยอะแค่ไหน
ทีนี้เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกมันมีเยอะมากหลากหลาย เราตกลงกติกากันก่อนว่าเราจะ
- ใช้คีย์เวิร์ดการค้นหากว้างให้ครอบคลุมนักลงทุนทุกกลุ่ม ผมจะใช้คำเหล่านี้ greatest investor of all time
- นับรวมพวกที่ลงทุนในอย่างอื่นด้วย ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นหุ้นเท่านั้น
- ไม่นับนักลงทุนแนวพลุ คือทำได้ดีอยู่ช่วงหนึ่งแล้วภายหลังเจ๊ง เอาพวกที่ทำได้ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอเป็นเวลานาน
- ไม่ได้มาเปรียบเทียบนักลงทุน หรือจัด ranking อะไร เราแค่อยากรู้ว่าแต่ละคนเค้าลงทุนสายไหนเท่านั้น
และนี่คือผลลัพธ์เรียงมั่วตามลำดับที่หาเจอ
- Benjamin Graham คนนี้สายพื้นฐานแน่นอน อาจารย์ Warren Buffett ด้วย
- John Templeton สายพื้นฐาน นิยมซื้อช่วงตลาดตกรุนแรง มีชื่อเสียงจากการไปลงทุนในต่างประเทศ
- Thomas Rowe Price, Jr. สายพื้นฐาน เป็นคนแรกๆที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตเร็ว
- John Neff สายพื้นฐาน เน้นลงทุนหุ้น P/E ต่ำๆไว้ก่อน
- Peter Lynch สายพื้นฐาน คนนี้ชอบกิจการเข้าใจง่ายและคนไม่สนใจไว้ก่อน
- George Soros สายเก็งกำไรจากเศรษฐกิจมหภาค อาศัยความเข้าใจนโยบายการเงิน, อัตราแลกเปลี่ยน
- Warren Buffett สายพื้นฐาน และเป็นคนที่ลงทุนระยะยาวมากด้วย
- John C. Bogle สายลงทุนเฉลี่ย เป็นผู้ก่อตั้ง Vanguard นิยมลงทุนตามดัชนีเป๊ะ
- Carl Icahn สายพื้นฐาน คนนี้แปลกหน่อย เน้นลงทุนบริษัทที่ดีแต่ผู้บริหารจัดการห่วย แล้วเข้าไปแก้ไข
- William H. Gross ไม่ชัดเจน แต่เป็นการลงทุนที่มองระยะยาวประมาณ 3-5 ปี มีชื่อเสียงจากการลงทุนในตราสารหนี้
- David Dreman สายพื้นฐาน เน้นลงทุนหุ้นช่วงราคาตกรุนแรง เน้น P/E ต่ำๆ
- Philip Fisher สายพื้นฐาน คนนี้เน้นซื้อกิจการที่มีสินค้าบริการโดดเด่น มีผู้บริหารที่ดีและมีโอกาสเติบโต
- Bill Miller สายพื้นฐาน ให้ความสำคัญกับมูลค่าของกิจการ อาจซื้อหุ้นที่ราคาสูงตราบที่มองว่ามูลค่าสูงกว่า
- William J. O’Neil สายพื้นฐาน เน้นการหาหุ้นเติบโตเร็ว กิจการเข้มแข็ง และกองทุนไม่ค่อยนิยม
- James D. Slater (เคยเจ๊งมาก่อน) สายพื้นฐาน เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเติบโตเร็ว นิยมพิจารณา PEG
- Michael Steinhardt สายเก็งกำไรจากเศรษฐกิจมหภาค ลงทุนช่วงสั้น แต่มีการเตรียมตัวมุมมองระยะยาว
- Ralph Wanger สายพื้นฐาน มองหาบริษัทขนาดเล็กที่ดีมีความเข้มแข็ง และจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาค
- Israel Englander สาย arbitrage อาศัยช่องว่างทางราคาต่างๆ ทั้งจากการซื้อกิจการหรือสิทธิ์แปลงสภาพหุ้นก็หรือวอร์แรนต์
- James Harris Simons ไม่รู้จะเรียกสายอะไร แต่เป็นการโปรแกรมคณิตศาสตร์ และใช้คอมพิวเตอร์ซื้อขายอัตโนมัติ
- Seth Klarman สายพื้นฐานแต่แปลกหน่อย เน้นเรื่อง Margin of Safety มากคือซื้ออะไรถูกมากๆไว้ก่อน
และคาดว่ามีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ผมอาจจะไม่ได้พูดถึง แต่กลุ่มนี้คือเท่าที่หาเจอบนหน้าแรกของ Google หลังจากค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่แจ้ง
จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นนักลงทุนสาย Fundamental หรือสายพื้นฐานก็มีเยอะ คนที่เป็นสายเก็งกำไรโดยอาศัยโอกาสความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดทุนตลาดเงินก็เยอะ แต่เอาตามตรงเลยก็คือไม่มีคนไหนที่เป็นนักลงทุนที่อาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคแม้แต่หนึ่งคน ถ้ามีเวลาผมอยากให้ไปศึกษาจริงจังทำการบ้านเพิ่มเติม จะพบว่าไม่มีคนไหนในนี้ที่บอกดู MACD อย่างเดียวเลยนะซักคน
สองคนนื้คือที่หาเจอชื่อว่าเคยทำได้ดี แต่ทำไม่ได้ตลอด เจ๊งตอนท้าย
- Jesse Lauriston Livermore นักเก็งกำไร น่าจะเป็นสายเทคนิค
- Julian Robertson นักเก็งกำไร ไม่มีใครรู้ว่าใช้วิธีอะไร แต่ที่แน่ๆแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพื้นฐาน
ทีนี้มาตอบคำถามว่า ทำไมการลงทุนสายเทคนิคมีคนนิยมกันจัง ทั้งๆที่ไม่มีผลลัพธ์อะไรโดดเด่นให้เห็น ผมไม่ทราบคำตอบที่ชัดเจน แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะ มันดูง่ายดี ทุกคนทำได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก การเดาว่าหุ้นจะราคาขึ้นเพราะที่ผ่านมาราคาขึ้นมันง่าย การหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาตกก็ง่ายและสอดคล้องกับความกลัวของคนอยู่แล้วด้วย
ผมก็ยอมรับว่าในช่วงแรกก็เคยพยายามดูกราฟเทคนิคเหมือนกัน และยอมรับว่าช่วงหนึ่งเชื่อว่ามันได้ผล มันเป็นแนวการลงทุนที่น่าดึงดูดนะผมว่า การลงทุนแนวนี้สนุกน่าตื่นเต้นด้วย แม้แต่นักลงทุนอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Warren Buffett ก็ยอมรับว่าเคยใช้เวลาหลายปีศึกษาก่อนที่จะสรุปว่ามันไม่ได้ผล
“I realized that technical analysis didn’t work when I turned the chart upside down and didn’t get a different answer.”
Warren Buffett