Inverted Yield Curve คืออะไร ? ต้องกังวลมั้ย ?

Do we need to worry about the inverted yield curve?

Inverted Yield Curve คืออะไร ? ต้องกังวลมั้ย ?

มีคนมีคำถามเกี่ยวกับ Inverted yield curve ได้ยินว่ามันเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะมีเศรษฐกิจถดถอยจริงมั้ย เราต้องกังวลอะไรหรือเปล่า วีดิโอนี้เรามาคุยเรื่องนี้กันครับ

ประเด็นแรกเรามาอธิบายว่าอะไรคืออะไรก่อน

เพื่อความเข้าใจตรงกัน เราเริ่มจากว่า Yield คืออะไรก่อนนะ คำว่า Yield นี่คืออัตราผลตอบแทนต่อปีของตราสารหนี้ที่จะได้ถ้าถือจนจบและลูกหนี้ไม่เบี้ยวครับ ซึ่งปกติเค้าจะใช้ตัว Yield นี้เป็นตัวหลักในการคุยกันว่าตราสารหนี้ราคาถูกหรือแพงแทนที่การบอกเป็นราคา เพราะบางทีตราสารหนี้แต่ละอันมี coupon rate ไม่เท่ากันทำให้เปรียบเทียบยาก เช่นตราสารหนี้สองอันราคา 100 ทั้งคู่อันนึงจ่ายดอกเบี้ย (Coupon) 3 บาทกับอีกอันจ่าย 4 บาทเงี้ย ราคามันดูเหมือนจะเท่ากันมั้ยเปรียบเทียบลำบากถูกมะต้องมานั่งบอกว่า Coupon rate คือเท่าไหร่อีก เพื่อความง่ายก็บอกไปเลยว่าอันนึง Yield 3% อีกอัน 4% ง่ายกว่าเห็นมะ ดังนั้นขอให้เห็นภาพว่า Yield ความสัมพันธ์มันก็จะกลับกันกับราคานะ ตราสารหนี้ไหน Yield สูงก็คือราคามันต่ำเทียบกับผลตอบแทน ส่วนตราสารหนี้ไหน Yield ต่ำก็คือราคามันสูงเทียบกับผลตอบแทน

ทีนี้แล้ว Yield Curve คืออะไร Yield Curve มันก็เป็นแค่กราฟที่บอกว่า ณ เวลานั้นอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่มีอายุต่างๆกันคือเท่าไหร่ ปกติหน้าตามันก็จะเป็นแกน X คือตราสารหนี้อายุต่างๆ และแกน Y ก็จะเป็นอัตราผลตอบแทน


Yield Curve ปกติมันก็จะวันต่อวัน เพราะราคาของตราสารหนี้มันก็จะมีขึ้นๆลงๆถูกมะ และขอให้เข้าใจว่ามันก็มี Yield Curve สำหรับตราสารหนี้หลายประเภท อาจจะเป็นของตราสารหนี้ภาครัฐหรือตราสารหนี้เอกชนแบบ Investment grade หรือแบบตราสารหนี้เอกชนความเสี่ยงสูงก็ได้

โดยปกติแล้วหน้าตาของ Yield Curve มันจะเป็น upward sloping ซึ่งแปลว่าตราสารหนี้ที่อายุยาวกว่าก็จะมี Yield ผลตอบแทนที่สูงกว่า เหตุผลก็ง่ายๆ ถ้ามีคนยืมเงินเรา ระหว่างยืมแค่แปปเดียวช่วงสั้นๆ กับยืมไปยาวหลายปี อันไหนเสี่ยงกว่ากันครับ มันก็แน่นอนว่าให้ยืมระยะยาวหลายปีก็ต้องเสี่ยงกว่าป้ะ และดังนั้นเพื่อให้คนยินดีจะให้ยืมระยะเวลานานก็ต้องได้ผลตอบแทนสูงกว่าถูกมะ Yield Curve ในสถานการณ์ปกติมันก็สะท้อนเรื่องนั้นแหละ ระดับของ Yield ในตลาดที่คนยอมรับกันถ้าตราสารหนี้อายุยาวกว่าก็จะต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าคนถึงจะยอม

ทีนี้ Inverted Yield Curve คือกรณีที่ Yield ของตราสารหนี้ระยะยาวดันต่ำกว่า Yield ของตราสารหนี้ระยะสั้น โดยปกติที่คนติดตามและพูดถึงกันบ่อยจะเป็นระหว่าง Yield ของ Government Bond อายุ 10 ปี เทียบกับ Yield ของ Government Bond อายุ 2 ปี หน้าตามันก็จะประมาณนี้


และสาเหตุที่คนสนใจหรือดูตื่นเต้นกับ Inverted Yield Curve เป็นเพราะที่ผ่านมาคนสังเกตว่าก่อนเกิดวิกฤติที่หุ้นตกรุนแรงมันจะมี Inverted Yield Curve ก่อนขึ้นก่อน คนก็เลยมองว่ามันเป็นสัญญาณเตือนถึงหายนะอะไรประมาณนั้น แล้วก็เลยพูดถึงกันเยอะ


แล้วสมมติเราอยากดู Yield Curve ตอนนี้เราไปดูได้ที่ไหน อันที่เค้าจับตากันก็จะเป็น US Government Bond แหละ เข้าใจว่ามีหลายเวปนะ แต่ที่ผมเห็นก็จะมี http://www.worldgovernmentbonds.com เข้าไปแล้วก็กดดูของสหรัฐอเมริกา เค้าก็จะมีกราฟประมาณนี้ครับ


คำถามต่อมาคือ แล้วการที่เกิด Inverted Yield Curve แปลว่ามันจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจจริงหรือเปล่า มันเป็นอะไรที่เราควรจับตามองหรือตื่นเต้นกับมันมั้ย

คำตอบสำหรับผมคือไม่ ในทางปฏิบัติ สาเหตุที่ Yield Curve มัน Inverted ก็มาจากการที่คนไม่ต้องการถือ Government Bond ระยะสั้นก็เลยทำให้ Yield สูง แต่อยากถือ Government Bond ระยะยาวแห่กันเข้าไปซื้อก็เลยทำให้ Yield ต่ำ แล้วสาเหตุที่ทำให้คนอยากได้ Government Bond ระยะยาวมากกว่าระยะสั้นเข้าใจว่าก็มาได้จากหลายสาเหตุแหละ แต่หนึ่งในสาเหตุที่คนเค้าพูดกันคือเพราะเค้ามองว่าอนาคตอันใกล้เศรษฐกิจจะไม่ดี แล้วเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี Fed ก็อาจจะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในสถานการณ์แบบนั้น Government Bond ระยะยาวก็จะได้เปรียบ

ปัญหาของเรื่องคือ Inverted Yield Curve อย่างมากมันเป็นแค่สัญญาณที่สะท้อนบอกว่าคนมีอคติกับสภาพเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้เท่านั้น ตัวมันเองไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดเศรษฐกิจไม่ดี และโดยปกติแล้วมันก็ต้องมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วที่ทำให้คนไม่วางใจในสภาพเศรษฐกิจ มันถึงจะเกิด Inverted Yield Curve ตามมา ดังนั้นถ้าเราใช้ Inverted Yield Curve เป็นสัญญาณนี่ก็แปลว่าเราช้าไปละครับ คือคนอื่นมันคิดไปก่อนเราละไง มันก็เลยไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ สู้เราไปติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจไปเลยจะดีกว่า

แล้วที่ผ่านมา Inverted Yield Curve ก็ไม่ได้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทุกครั้งด้วยนะ อย่างปี 2019 มีเกิดขึ้นอยู่ ในเวลานั้นเกิดเพราะ Fed ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจชะลอตัวนะ คนก็เลยคาดการณ์ว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนะ ซึ่งสุดท้ายก็มีการลดอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้มีวิกฤติเศรษฐกิจอะไรแต่อย่างใด


ความหมายจริงๆของ Inverted Yield Curve มันก็แค่นั้นน่ะครับ เป็น expectation ของคนในตลาดเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้น และไม่ได้จำเป็นว่าตลาดคาดการณ์แล้วมันจะถูกต้องเสมอไป

สรุปคือ เราอย่าไปให้ความหมายอะไรกับ Inverted Yield Curve มากจนเกินไปครับ
 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี