ช่วงที่ผ่านมาหุ้นในอเมริกามีทิศทางเป็นขาขึ้น ผมก็เลยไม่ค่อยสนใจแล้วก็เลยไม่ได้พูดถึงหุ้นในอเมริกาเท่าไหร่ แต่โอกาสก็มีอยู่ตลอดเวลาจริงๆ เพราะเมื่อเร็วๆนี้มีบริษัทนึงที่ราคาตกมารุนแรงพอสมควร ทั้งที่บริษัททำได้ดีมาตลอดและโมเดลธุรกิจเค้าก็น่าสนใจด้วยนะ ลองดูตัวอย่างสภาพร้านในรูป วันนี้ผมจะมาพูดถึงบริษัทที่ผมกำลังให้ความสนใจอยู่ในเวลานี้ บริษัท Dollar Tree บริษัทสำหรับคนชอบของถูกครับ
As of September 8, 2018 ราคาหุ้นอยู่ 82.24 USD
ลักษณะธุรกิจ
บริษัทนี้ทำการค้าปลีก มีร้านค้าอยู่สองรูปแบบภายใต้ชื่อยี่ห้อที่ต่างกันคือ Dollar Tree กับ Family Dollar
ร้าน Dollar Tree เป็นธุรกิจหลักและธุรกิจดั้งเดิมคือเป็นร้านค้าที่ทุกอย่างในร้านขายราคา $1 ทั้งหมด ไอเดียเหมือน Daiso ที่ทุกอย่าง 60 บาทน่ะครับ ถ้านับเฉพาะในกลุ่มร้านที่ขายราคาเดียว $1 ร้าน Dollar Tree คือกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา จุดขายของร้านคือทำให้คนว้าวด้วยของที่ไม่น่าจะราคา $1 และให้ประสบการณ์เหมือนหาสมบัติในร้าน
สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในร้าน Dollar Tree ก็จะเป็นของเล็กๆน้อยๆที่ไม่เสียง่ายเช่น ขนม, อาหารที่ไม่ใช่อาหารสด, โฟมล้างหน้า, สบู่, ยาสีฟัน, ของใช้ในบ้านทั่วไป, ของเล่น, แก้วน้ำจานชาม, เครื่องเขียน, การ์ดอวยพร, สินค้าเทศกาลต่างๆ, ฯลฯ ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องขายอะไรเป็นพิเศษขอให้มันเป็นราคา $1 เป็นใข้ได้ และดูเหมือนจะมีการเวียนเปลี่ยนแปลงสินค้าที่ขายอยู่ตลอดแล้วแต่ช่วงว่าเค้าหาอะไรมาขายได้บ้าง
ส่วน Family Dollar มาจากการซื้อกิจการเมื่อตอนปี 2015 ลักษณะธุรกิจคือเป็นร้านค้าปลีกทั่วไปเน้นขายของราคาถูก แต่ไม่ได้บอกว่าจะ $1 เท่านั้น ราคาขายต่อชิ้นของสินค้าคืออยู่ระหว่าง $1 ถึง $10 ดังนั้นสินค้าก็จะมีพวกที่ยี่ห้อเป็นที่รู้จักทั่วไปมากกว่าที่ขายใน Dollar Tree
สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในร้าน Family Dollar ก็อย่างเช่น สินค้าอุปโภคบริโภค, อาหาร, บุหรี่, สบู่, ยาสีฟันแปรงสีฟัน, ผ้าเช็ดตัว, อาหารหมาแมว, ของตกแต่งบ้าน, เสื้อผ้า, รองเท้า, ฯลฯ
แล้วที่ผ่านมาเป็นไง
โดยภาพรวมช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Dollar Tree ก็ทำได้ดีเลยแหละ รายได้และกำไรตอนนี้เทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้วเติบโตขึ้นเป็น 4 เท่าโดยประมาณ ดูเหมือนปีช่วงวิกฤติเศรษฐกิจจะไม่ค่อยมีผลกระทบกับธุรกิจบริษัทนี้เท่าไหร่ มีปีที่กำไรตกบ้างเหมือนกันโดยเฉพาะปี 2015-2016 ที่มีการควบรวมกิจการ Family Dollar ซี่งเข้าใจได้เพราะมันมักจะมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเกิดขึ้น
ภายหลังการซื้อกิจการ Family Dollar ถึงแม้ว่าร้าน Family Dollar ที่ซื้อมาจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่โดยรวมร้าน Dollar Tree ก็กำไรดีกว่าร้าน Family Dollar อยู่มาก โดยจะสังเกตได้ชัดจากตัวเลข ณ ครึ่งปี 2018 ต่อไปนี้
พื้นที่ขาย: Dollar Tree มี 58.7 ล้านตารางฟุต Family Dollar มี 59.8 ล้านตารางฟุต
ยอดขาย: Dollar Tree อยู่ที่ 5,553.2 ล้านเหรียญ Family Dollar อยู่ที่ 5,526.1 ล้านเหรียญ
กำไรจากการดำเนินงาน: Dollar Tree อยู่ที่ 627.9 ล้านเหรียญ Family Dollar อยู่ที่ 192.2 ล้านเหรียญ
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน: Dollar Tree อยู่ที่ 11.3% Family Dollar อยู่ที่ 3.5%
ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ
น่าสนใจเพราะราคามันตกลงมาจากช่วงต้นปีพอสมควรเลย จากช่วงต้นปีราคาอยู่ $100 กว่าๆ มาตอนนี้อยู่แถว $80 ตกลงมาประมาณ 20% ได้ สาเหตุหลักๆที่ทำให้คนกังวลคือ
- Same-Store-Sales ของร้าน Family Dollar แทบไม่โตเลย
คือคนกังวลมาตั้งแต่ตอนซื้อ Family Dollar นู่นละ เพราะลักษณะโมเดลธุรกิจมันไม่ได้เหมือนกับ Dollar Tree ซะทีเดียวและดังนั้นเลยไม่แน่ใจว่ามันจะเกื้อหนุนธุรกิจกันยังไง มันไม่เหมือนกับการควบรวมกิจการร้านประเภท $1 ด้วยกัน
พอเวลาผ่านมาสองปี คนก็เห็นว่ายอดขาย Family Dollar ไม่โต และอย่างที่เห็นเปรียบเทียบด้านบนมันก็ทำได้แย่กว่า Dollar Tree เยอะมาก คนก็เริ่มสงสัยว่าที่ซื้อมาจะเป็นภาระมากกว่าเป็นประโยชน์ เพราะบริษัทก็เสียเงินไปเยอะเหมือนกันในการซื้อบริษัทนี้มา (8.5 Billion USD) และก็ยังต้องมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงร้านและรวมการบริหารจัดการ ณ เวลานี้ดูเหมือนจะไม่คุ้ม
- ต้นทุนของที่สูงขึ้น
Dollar Tree มีจุดบอดอยู่อย่างคือร้านมันต้องขาย $1 เท่านั้น ดังนั้นแปลว่าถ้าไม่สามารถหาของมาในต้นทุนที่เหมาะสมได้ กำไรก็จะถูกบีบลง หรือถ้าหาของมาวางในร้านได้หลากหลายน้อยลง ความน่าสนใจของร้านก็จะน้อยลง
สัดส่วนสินค้าที่ขายมาจากการนำเข้าโดยประมาณ 40% ได้ แล้วช่วงนี้ราคาน้ำมันสูงขึ้นค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าก็สูงขึ้นทำให้ต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น บริษัทก็ออกมาบอกชัดเจนว่าครึ่งปี 2018 ที่ผ่านมา ต้นทุนการขนส่งสินค้าทำให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นถูกบีบลดลงแล้วด้วย แค่นั้นไม่พอช่วงนี้อเมริกาดันมีตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศอย่างจีนและมีแนวโน้มอาจตั้งกำแพงภาษีกับประเทศอื่นอีกด้วย ยิ่งทำให้คนกังวลว่าต้นทุนสินค้าจะแพงขึ้นไปอีก
โดยรวมก็เลยเป็นเหตุให้หุ้น Dollar Tree ตกลงมาพอสมควร และยังอาจจะราคาตกลงไปกว่านี้อีก มันเลยน่าสนใจสำหรับพวกเราที่มองในระยะยาวครับ เพราะผมเชื่อว่าในระยะยาวต่อไปในอนาคต คนจะยังชอบร้านค้าประเภทนี้อยู่ และ Dollar Tree จะยังทำได้ดีต่อไปในอนาคต
สำหรับผมแล้ว ถึงแม้ว่า Family Dollar จะยังไม่ได้ทำได้ดีอะไรนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ขาดทุนยังมีกำไรอยู่บ้าง และหนี้สินระยะยาวที่มาจากการซื้อ Family Dollar ปัจจุบันเหลือประมาณ 5,000 ล้านเหรียญ ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ถือว่าเยอะมากสำหรับบริษัทที่ปีนึงกำไร 900 ล้านเหรียญ พอรับได้อยู่
ส่วนเรื่องต้นทุนสินค้าที่ปรับสูงขึ้น เท่าที่เห็นชัดเจนคือค่าต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นจากราคาค่าขนส่ง ทำให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นลดลงคิดเป็นประมาณ -0.7% เท่านั้นเอง ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่หุ้นมันต้องตก -20% ขนาดนี้ ส่วนเรื่องกำแพงภาษีนู่นนี่ผมก็เชื่อว่าเป็นเรื่องชั่วคราว อย่างเลวร้ายที่สุดคือหลายปีจนกว่า Trump จะออกไป แต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เพราะที่เค้าทำคือเพื่อเป็นเครื่องมือทางการค้าผลลัพธ์ที่ต้องการคือให้เศรษฐกิจอเมริกาดีขึ้น ถ้าลากกำแพงภาษีไปนานๆจน GDP อเมริกาโตช้าลงหรือเริ่มมีผลต่อความเป็นอยู่ของคน คนที่เป็นฐานเสียงก็ด่า Trump ก็ไม่น่าจะทำจนขนาดตัวเองเดือดร้อน
Disclosure
ปัจจุบันผมถือหุ้นใน Dollar Tree และมีโอกาสสูงมากที่จะลงทุนใน Dollar Tree เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคาตกลงไปอีก
ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้