As of July 26, 2018 ราคาหุ้นอยู่ 4.74 บาท
ช่วงก่อนนี้หุ้นไทยตกลงมาพอสมควร หนึ่งในบริษัทที่ราคาตกลงมารุนแรงมากก็คือบริษัทนี้เลย Karmarts ปกติส่วนตัวก็จะไม่ค่อยได้สนใจหุ้นกลุ่มประเภทนี้เท่าไหร่เพราะตัวเองไม่ได้ใช้และแยกความแตกต่างไม่ออก แต่เนื่องจากราคาถูกลงมาเยอะเลยเริ่มน่าให้ความสนใจละครับ
ลักษณะธุรกิจ
หลักๆเลยบริษัทนี้ผลิตและนำเข้าเครื่องสำอาง แล้วก็ทำการขายผ่านช่องทางต่างๆ
สินค้าบางส่วนเป็นเจ้าของยี่ห้อเองเลย โดยเน้นขายกลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป ยี่ห้อที่เป็นของเค้าเองมี Cathy Doll, Cathy Choo, Baby Bright, Jejuvita, Reunrom, Crayon, Oppa Style, Boya พูดตามตรงว่าส่วนตัวผมเองแล้วแทบไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับยี่ห้อพวกนี้เลย มี Cathy Doll ที่เหมือนเคยเห็น นอกนั้นผมก็ไม่รู้จัก
ส่วนสินค้าที่บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายหลักๆคือ Missha ซึ่งผมก็ไม่รู้จักอีกเช่นกัน แต่เท่าที่ดูเหมือนจะยี่ห้อจากเกาหลีและมีคนใช้พอสมควร
บริษัทนี้ขายของผ่านช่องทางร้านค้าปกติทั่วไปนั่นแหละ มีวางใน 7-11, Lotus, Big C, Watsons, Boots, etc. มีขายผ่านทางออนไลน์ทาง Lazada, Shopee และอื่นๆ แล้วก็มีร้านค้ายี่ห้อของตัวเองด้วยที่บางทีเราจะเห็นร้านมันสีชมพูๆป้ายหน้าร้านว่า KARMART โดยร้านแบบนี้จะเป็นการขายแฟรนไชส์ให้คนอื่นมาเปิด จากรายงานของบริษัทบอกว่ามี 65 สาขาทั่วประเทศ
ช่วงๆหลังมีความพยายามจะขยายไปขายในต่างประเทศด้วย ประเทศอื่นก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านเราแถบนี้เช่น สิงคโปร์, กัมพูชา, เวียดนาม, พม่า, ลาว, ฯลฯ
นอกเหนือจากนี้ ดูเหมือนบริษัทมีการไปลงทุนในบริษัทที่ทำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (บริษัท ดิ ไอโคนิค พรอพเพอร์ตี้ จำกัด) ซึ่งก็ดูเป็นอะไรที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการหลัก และผมสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไปทำ
แล้วที่ผ่านมาเป็นไง
ช่วงสมัยก่อนนู้นก่อนปี 2009 ตอนบริษัททำจัดจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์เอ็นจีวีก็ทำได้ไม่ดีแหละ มีทำธุรกิจเดินสายรถเมล์ด้วยแต่ไม่เวิร์คสุดท้ายก็เลิกไป ปี 2009 เริ่มนำเข้าเครื่องสำอางกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาจัดจำหน่าย ปรากฎว่าทำได้ดีมากเลยแล้วกระโดดเข้ามาทำพวกเครื่องสำอางกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเต็มตัว
หลังจาก 2011 เป็นต้นมาก็ดูเหมือนจะทำได้ดีเลยแหละ แนวโน้มภาพรวมทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำได้ดีจากธุรกิจหลักซึ่งก็คือเรื่องเครื่องสำอางกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนี่
ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ
เป็นเพราะราคาตกลงมารุนแรงมาก เข้าใจว่าสาเหตุหลักๆที่หุ้นตกน่าจะเป็นเพราะผลประกอบการไตรมาส 1 ของปีนี้เป็นปัจจัยสำคัญ ไตรมาสแรกของปี 2018 ที่ผ่านมานี้ ผลประกอบการยอดขายไม่โตที่สำคัญลดลงเล็กน้อยด้วย บวกกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงขึ้น ทำให้กำไรสุทธิลดลงไปประมาณ -10.5% ได้ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณว่าธุรกิจของ Karmarts อิ่มตัวแล้วและจะไม่เติบโตอย่างรวดเร็วแบบเดิมแล้ว หรืออาจเป็นแค่เรื่องชั่วคราวก็เป็นไปได้ เร็วเกินไปที่จะตัดสิน จะไปตัดสินบริษัทจากผลประกอบการไตรมาสเดียวมันก็ฉาบฉวยเกินไป จะเอาให้ชัวร์คงต้องรอดูผลประกอบการทั้งปีของปีนี้
ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนเลยคือ เราต้องถามว่าเรายังเชื่อว่าบริษัท Karmarts และสินค้ายี่ห้อภายใต้กลุ่มนี้อย่าง Cahty Doll จะยังทำได้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต หรืออย่างน้อยๆรักษาระดับทำได้ใกล้เคียงเดิมต่อไปในอนาคตหรือเปล่า ส่วนตัวแล้วผมก็จะบอกว่าไม่รู้เลย เพราะตัวเองไม่ได้ใช้เลยแยกความแตกต่างระหว่างยี่ห้อเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม่ออก ดังนั้นก็เลยบอกไม่ได้ว่ายี่ห้อนี้จะทำได้ดีต่อไปในอนาคตหรือเปล่า ก็จะสมมติว่ามันทำได้แค่คงที่และจะไม่โตไปกว่านี้ไว้ก่อน
ช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นมีตกลงไปถึง 4 บาท แล้วกำไรต่อหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 0.32 ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมก็เลยเริ่มเข้ามาให้ความสนใจ เพราะมองว่าขอแค่บริษัททำได้ดีใกล้เคียงเดิมต่อไปเรื่อยๆ ด้วยราคา 4 บาทในเวลานั้นก็ถือว่าราคาน่าสนใจอยู่ ขอให้บริษัททำได้เท่าๆเดิมผลตอบแทนต่อราคาหุ้นอยู่ที่ 7.5% ละ ยิ่งถ้าบริษัททำได้ดีขึ้นด้วยก็ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่ แต่ช่วงนี้ราคาดันสูงกลับขึ้นไปซะงั้น ก็เลยความน่าสนใจลดน้อยลงไปเยอะ
Disclosure
ปัจจุบันผมไม่ได้มีหุ้นใน Karmarts แต่มีโอกาสที่จะลงทุนใน Karmarts ในอนาคตถ้าราคาตกลงมารุนแรงอีก
ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้