หุ้นที่ผมสนใจ – Ulker Biskuvi

Stock in my focus – Ulker Biskuvi

ได้เวลาเราไปเที่ยวและซื้อหุ้นในตุรกีกันบ้างแล้ว  ช่วงนี้ถ้าใครตามข่าวจะทราบว่าค่าเงินตุรกีอ่อนค่าลงและตลาดหุ้นตกลงมาแรงทีเดียว  มันดีกับเราเพราะในเวลานี้พวกเราสามารถซื้อของในตุรกีได้ในราคาถูกลงกว่าเดิมมาก  หุ้นก็เช่นกัน  วันนี้ผมมาพูดถึงหุ้นบริษัท Ulker Biskuvi ที่ผมไปเจอและกำลังให้ความสนใจมากครับ

As of August 26, 2018                  ราคาหุ้นอยู่ 14.09 TRY

ulkerulker-2ulker-3 ulker-4

ลักษณะธุรกิจ

Ulker Biskuvi เป็นผู้ผลิตขนมที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี  ลักษณะธุรกิจก็คือการผลิตและขายขนม  ขนมที่ขายก็นึกถึงพวกที่บรรจุเป็นห่อขายในห้างน่ะครับ  แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆคือบิสกิต, ช็อกโกแลต  และเค้ก

ชื่อยี่ห้อเราอาจจะไม่คุ้นเพราะขายอยู่ในแถบประเทศยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง  แต่บางชื่ออาจจะคุ้นเช่น Godiva Chocolatier ซึ่งถือหุ้น 100% โดยกลุ่ม Yildiz Holding ที่เป็นบริษัทแม่ของ Ulker Biskuvi นี้  ตัวบริษัท Ulker Biskuvi เองถือหุ้นใน Godiva ประมาณ 19% ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด  และดังนั้นจึงทำการจัดจำหน่าย Godiva Chocolate ด้วย  และอีกยี่ห้อนึงที่เราอาจรู้จักคือ McVitie’s ที่มีขายในไทยด้วย (อร่อยดีด้วยนะ)  บริษัทแม่คือ United Biscuits ในอังกฤษ  ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม Yildiz Holding เป็นเจ้าของ 100% เช่นกัน  ผมเข้าใจว่า Ulker Biskuvi ทำการผลิตและจัดจำหน่าย McVitie’s ในบางประเทศ  ไม่ใช่ทั่วโลก

รายได้ใหญ่สุดมาจากกลุ่มขนมช็อกโกแลต  ประมาณ 47.8% ของรายได้ทั้งหมด  รองลงมาเป็นรายได้จากกลุ่มบิสกิตประมาณ 43.8%  และเป็นเค้กประมาณ 8.4%

 

แล้วที่ผ่านมาเป็นไง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Ulker Biskuvi ทำได้ดีมาก  โดยภาพรวมรายได้และกำไรเป็นไปในทิศทางขาขึ้น  รายได้เติบโตขึ้นประมาณ 3 เท่า  และกำไรสุทธิก็เพิ่มเป็นสัดส่วนประมาณ 3 เท่าเหมือนกัน  เข้าใจว่าหลักๆเป็นเพราะได้รับผลจากการที่เศรษฐกิจตุรกีเติบโตอย่างดีในช่วงหลังปี 2009 ที่ผ่านมา

ปัจจุบัน Ulker Biskuvi เป็นอันดับหนึ่งในตลาดตุรกีด้วยส่วนแบ่งการตลาดขนม 35%  ถ้าแยกย่อยคือเป็นอันดับ 1 ในตลาดบิสกิต  ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 36.8%  อันดับ 1 ในตลาดช็อกโกแลต  ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 35.5%  และอันดับ 2 ในตลาดเค้ก  ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25.5%

หลังๆมานี้ Ulker Biskuvi เริ่มขยายออกไปทำตลาดนอกประเทศ  มีไปซื้อกิจการบริษัทหลักที่ทำธุรกิจในประเทศนั้น  เช่นประเทศซาอุดิอาราเบียที่ก็ยังทำได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว  เป็นอันดับ 1 ในตลาดบิสกิต  ประเทศอียิปต์ก็ทำได้ดีขึ้นปัจจุบันเป็นอันดับ 2 ในตลาดบิสกิต  ในคาซัคสถานยอดขายเติบโตแต่อัตราส่วนกำไรน้อยลงโดยวรวมกำไรเพิ่มขึ้น  ปัจจุบันยังเล็กอยู่ห่างกับคู่แข่งหลักพอสมควร  นอกเหนือจากนี้ก็จะยังมีประเทศเล็กอื่นๆหลากหลายที่อาจจะยังไม่เป็นสาระสำคัญอีกหลายประเทศ

 

ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ

เพราะราคาหุ้นมันตกลงมาจากช่วงก่อนพอสมควรเลย  จากราคาเคยอยู่แถว 21 TRY ตกลงมาอยู่ 14 TRY คิดเป็นประมาณ -33% ได้  ที่ราคามันตกลงมารุนแรงเข้าใจว่าเป็นเพราะ

  1. คนกังวลเรื่องเศรษฐกิจของตุรกี

ที่ผ่านมาเศรษฐกิจตุรกีเติบโตรวดเร็วมาก  เชื่อว่ามาจากนโยบายรัฐบาลที่ใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้น  รักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำกว่าที่ควร  คนก็เลยมองว่าเศรษฐกิจตุรกีตอนนี้น่าจะโอเวอร์ฮีทโตเกินความเป็นจริง  เกิดจากการที่บริษัทโตจากการกู้ยืมเงินมากเกินไป  แถมยังเป็นกู้ยืมเงินในสกุลเงินต่างประเทศด้วย  ซึ่งแปลว่าค่าเงิน Turkish Lira ที่อ่อนค่าลงก็ทำให้ภาระในการจ่ายหนี้ใหญ่ขึ้นด้วย  อนาคต GDP น่าจะปรับตัวลดลงมา

  1. มีปัญหากับสหรัฐอเมริกา

หลักๆก็คือกลัวว่าจะทำให้เศรษฐกิจที่โอเวอร์ฮีทอยู๋แล้วแย่ลงไปอีกน่ะแหละ  อย่างล่าสุดถ้าตามข่าว Trump ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าโลหะจากตุรกีจาก 20% เป็น 50%  และอาจมีอย่างอื่นตามมา  เพราะประธานาธิบดี Erdogan มีท่าทีไม่ยอมสหรัฐอเมริกาด้วย

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมหภาคของประเทศก็จะมีผลกระทบต่อ Ulker Biskuvi จริงๆน่ะแหละ  สมมติถ้าเศรษฐกิจแย่ลงจริงๆบริษัท Ulker Biskuvi ก็จะต้องกำไรหดตัวลงด้วยแน่นอน  แต่ผมมองว่าในระยะยาวไปหลายๆปีข้างหน้า  เศรษฐกิจตุรกีก็ไม่น่าจะล่มสลายไปและน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้  และขนมก็น่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่ถูกแทนที่ได้ง่ายๆ  ยังไงอนาคตคนก็จะยังกินอยู่ดี  ดังนั้นในจังหวะที่คนตกใจและเรามีโอกาสซื้อหุ้นบริษัทที่เข้มแข็งแบบนี้เก็บไว้ได้ในราคาถูก  มันเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับผมมาก

ปล. ถ้าสนใจจะซื้ออาจจะต้องไปเปิดบัญชีกับ KSecurities นะ  เท่าที่หาดูเห็นจะมีบัญชีต่างประเทศของกสิกรเนี่ยที่ซื้อหุ้นรายตัวในตุรกีได้

 

Disclosure

ปัจจุบันผมไม่ได้ถือหุ้นใน Ulker Biskuvi  แต่มีโอกาสสูงมากที่จะลงทุนใน Ulker Biskuvi ในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคาตกลงไปอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว  ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้