หุ้นที่ผมสนใจ – บิวตี้ คอมมูนิตี้

Stock In My Focus – Beauty Community

As of July 20, 2018                        ราคาหุ้นอยู่ 7.7 บาท

Beauty Community เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หุ้นตกลงมารุนแรงมากในช่วงที่ผ่านมาครับ  ก่อนหน้านี้ราคาเคยแพงจนไม่น่าสนใจทั้งที่ผลประกอบการจริงๆเค้าทำได้ดีมาก  ตอนนี้ผมเริ่มหันมาสนใจก็เลยเอามาเขียนพูดถึงซักหน่อย

beauty-community-logobeauty-community-shop

อ่านต่อ »

หุ้นที่ผมสนใจ – คาร์มาร์ทส์

Stock In My Focus – Karmarts

As of July 26, 2018                        ราคาหุ้นอยู่ 4.74 บาท

ช่วงก่อนนี้หุ้นไทยตกลงมาพอสมควร  หนึ่งในบริษัทที่ราคาตกลงมารุนแรงมากก็คือบริษัทนี้เลย Karmarts  ปกติส่วนตัวก็จะไม่ค่อยได้สนใจหุ้นกลุ่มประเภทนี้เท่าไหร่เพราะตัวเองไม่ได้ใช้และแยกความแตกต่างไม่ออก  แต่เนื่องจากราคาถูกลงมาเยอะเลยเริ่มน่าให้ความสนใจละครับ

karmart-shop karmart-logo

อ่านต่อ »

หุ้นที่ผมสนใจ – Berkeley Group

Stock in my focus – Berkeley Group

As of July 7, 2018               ราคาหุ้นอยู่ 3,577p

ก่อนหน้านี้ผมมีเขียนถึง Bellway ที่ทำธุรกิจสร้างบ้านในอังกฤษไป  อันนี้จะมาเขียนถึง Berkeley Group ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านเหมือนกันแต่คนละกลุ่มตลาด  ช่วงที่ผ่านมาบริษัทกลุ่มนี้อาการคล้ายๆกันคือราคาหุ้นเริ่มตกลงมาพอสมควร  จนตอนนี้ผมเริ่มสนใจละครับ

berkeley-group-logo berkeley-group

ลักษณะธุรกิจ

Berkeley Group เป็นหนึ่งในบริษัทสร้างบ้านที่ค่อนข้างใหญ่ในอังกฤษ  ถ้านับจำนวนบ้านที่สร้างอาจจะไม่ได้ถือเป็นรายใหญ่ในตลาด  แต่ถ้านับรายได้รวมจริงๆขนาดธุรกิจก็พอกับ Bellway แหละ

Berkeley Group นี่เน้นสร้างบ้านในลอนดอนกับทางตะวันออกเฉียงใต้  มียี่ห้อหลักคือ Berkeley  แล้วก็มีโครงการร่วมทุนกันพัฒนากับบริษัทอื่นที่บริษัท Berkeley Group ถือหุ้นใหญ่อยู่อีกคือ St Edward, St George, St James, St Joseph, St William

จุดเด่นของบริษัทนี้คือ  ราคาบ้านของกลุ่ม Berkeley แพงกว่ากลุ่มบริษัทสร้างบ้านอื่นพอสมควร  อย่างตัวยี่ห้อหลัก Berkeley ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยคือ £715,000  เทียบกับ Bellway ที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ว่าทำบ้านระดับกลางถึงล่างราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ £252,793  หรือเทียบกับ Barratt Developments ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ £313,000  จะเห็นว่าแพงกว่าเกินเท่าตัว

ยิ่งถ้าเป็นโครงการร่วมทุนยิ่งเน้นหรูเข้าไปใหญ่  ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง £1,646,000  ลองแปลงเป็นเงินบาทดูแล้วจะเห็นภาพว่าบริษัทนี้ขายบ้านกลุ่มแพงมากจริง

คู่แข่งในตลาดสร้างบ้านก็มีเยอะพอสมควร  เช่น Crest Nicholson, Barratt Developments, CALA Homes, etc.

แล้วที่ผ่านมาเป็นไง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  บริษัทนี้ก็เหมือนบริษัทอื่นตรงที่ผลประกอบการทรุดลงไปช่วงปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ  ปกติแหละเพราะในเวลานั้นความต้องการซื้อบ้านหดตัวลงรุนแรงมาก  แต่ Berkeley Group ไม่ถึงกับขาดทุนซึ่งก็ถือว่าเจ๋งมากละ  หลังจากปีนั้นมาบริษัทก็ฟื้นตัวขึ้นมาตามลำดับ  โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  ความต้องการบ้านใหม่ในอังกฤษสูงขึ้นมากเศรษฐกิจฟื้นตัวคนมีกำลังซื้อ  พวกบริษัทอย่าง Berkeley Group ก็ได้ประโยชน์และทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา  เรียกว่าทำได้ดีมากเลยแหละ  โดยรวมปีหลังๆกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเยอะมาก

Net Profit Margin (อัตราส่วนกำไรสุทธิ) ของ Berkeley Group จะสูงกว่าบริษัทประเภทเดียวกัน  ลัวเลขเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของ Berkeley Group อยู่ที่ประมาณ 19%  ถ้าเป็นของ Bellway อยู่ 16%  หรือถ้าเป็น Barratt Developments อยู่ 10%  ซึ่งก็สอดคล้องกับราคาขายเฉลี่ยของบ้านยี่ห้อนี้

ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ

ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเนี่ยแหละครับ  คือเค้ากังวลเรื่องแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมว่าอาจจะชะลอตัวลง  และจะมีผลต่อบริษัท Berkeley Group  ปัจจัยหลักๆที่คนกังวลคือ

  1. ผู้บริหารออกมาบอกว่าจะไม่ขยายโครงการใหม่นอกเหนือจากแผนที่วางไว้แล้ว

หลักๆคือเค้าอ้างว่าสภาวะตลาดไม่เอื้อ  และทาง Berkeley Group ก็ดูเหมือนจะไม่อยากลดราคาขายด้วยเพื่อปกป้องอัตราส่วนกำไร  ก็เลยอาจจะไม่ขยายเพิ่มมากกว่าที่วางแผนไว้  แต่ไม่ได้หมายความว่ากำไรจะลดลงหรือยอดขายตกต่ำลงนะ  เพราะแผนเดิมก็ขยายอยู่แล้ว

  1. วัตถุดิบสร้างบ้านที่เริ่มขาดแคลน ทำให้ต้นทุนน่าจะสูงขึ้น

วัสดุสร้างบ้านอย่างอิฐกับหลังคาปัจจุบันขาดตลาดจนต้องนำเข้า  ยิ่งค่าเงินปอนด์ช่วงนี้ต่ำเพราะเรื่อง Brexit  ก็ทำให้ต้นทุนการสร้างบ้านเริ่มปรับสูงขึ้น

  1. อัตราดอกเบี้ยที่ดูแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มปรับดอกกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นละ  เพราะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ  อย่างอเมริกากับสหภาพยุโรปนี่ประกาศชัดเจนแล้วว่าปรับขึ้น  ของอังกฤษก็เช่นกัน  ด้งนั้นในอนาคตถ้าดอกเบี้ยสูงขึ้น  ต้นทุนของเงินกู้ซื้อบ้านก็จะสูงขึ้นด้วย  คนก็น่าจะซื้อบ้านน้อยลง

  1. สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของอังกฤษ ผลมาจากเรื่อง Brexit

ปัจจุบันอังกฤษกำลังจะต้องออกจากสหภาพยุโรปแล้ว  แต่เท่าที่ดูคือตกลงเรื่องพวกภาษีนำเข้าส่งออกยังไม่ได้  แปลว่าอนาคตเศรษฐกิจก็ต้องมีผลกระทบบ้างแน่นอน  ความไม่แน่นอนเรื่องนี้ยังมีอยู่เยอะมาก  ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น

ส่วนตัวผมคือมองว่าเราคงไม่หวังให้บริษัทโตขึ้นอย่างรวดเร็วแบบแต่ก่อน  เพราะที่ผ่านมามันมาจากช่วงที่ฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจเลยโตแบบรวดเร็ว  แต่สุดท้ายยังไงบ้านที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นอะไรที่ต้องมีอยู่  ในระยะยาวถึงจะผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจแต่มันก็เป็นอะไรที่คนต้องซื้อแน่นอน  เราคาดหวังให้ในระยะยาวบริษัททำได้เฉลี่ยคงที่หรือต่ำลงเล็กน้อยน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า

ทีนี้สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือ  บริษัท Berkeley ที่ผ่านมาทำได้ค่อนข้างดีมากแม้แต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจก็ยังไม่ขาดทุน  และที่สำคัญคือราคาหุ้นในเวลานี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว

กำไรต่อหุ้นปีล่าสุดอยู่ที่ 451p  ถ้าใช้กำไรนี้เป็นตัวอ้างอิงสมมติว่าบริษัททำได้ประมาณนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ด้วยราคาตอนนี้เท่ากับอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้น 12.61% ละ   แต่เนื่องจากปีล่าสุดกำไรโตขึ้นเยอะมาก  เราเอาเฉลี่ย 3 ปีล่าสุดแทนจะได้ว่ากำไรต่อหุ้นอยู่ประมาณ 332p  เทียบกับราคาตอนนี้สมมติว่ากำไรไม่เติบโตทำได้เท่านี้ไปเรื่อยๆ  อัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้นก็ยังสูงมากอยู่ที่ 9.28%

Disclosure

ปัจจุบันผมไม่ได้มีหุ้นใน Berkeley Group  แต่มีโอกาสสูงมากที่จะลงทุนใน Berkeley Group ในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคาตกต่ำลงมาอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว  ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้

หุ้นที่ผมสนใจ – บิ๊ก คาเมร่า

Stock in my focus – BIG Camera

As of June 30, 2018                       ราคาหุ้นอยู่ 1.96 บาท

ช่วงที่ผ่านมานี้หุ้นในเอเชียตกลงมาพอสมควร  รวมถึงหุ้นในไทยด้วย  วันนี้จะพูดถึง BIG Camera ครับ  บริษัทนี้เราเห็นร้านเค้าหลายครั้งละตามห้าง  เพิ่งจะมาสนใจดูหุ้นของบริษัทนี้ก็เพราะเห็นราคามันตกลงมาเยอะมากเนี่ยแหละ

big-camera

ลักษณะธุรกิจ

BIG Camera ชื่อมันก็บอกชัดเจนดี  บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ค้าปลีกกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพผ่านร้านของตัวเอง  โดยร้านจะอยู่ในห้างสรรพสินค้า  ตามข้อมูลของบริษัทเค้าอ้างว่าส่วนแบ่งการตลาดของอุปกรณ์ถ่ายภาพเกิน 50% อยู่นิดนึงเลยทีเดียว  ธุรกิจกลุ่มนี้เป็นธุรกิจหลักของบริษัททำรายได้อยู่ 91% ของทั้งหมด

นอกจากนี้ก็จะมีธุรกิจค้าปลีกมือถือกับอุปกรณ์ชื่อ BIG Mobile  แต่ก็เป็นสัดส่วนรายได้ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งหมด  คิดเป็นแค่ 8% เท่านั้น  ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรในเวลานี้

ล่าสุดมีทำร้านที่ให้บริการพิมพ์ภาพ  รายได้เป็นสัดส่วนแค่ 1%

ดังนั้นก็ชัดเจนมากว่าบริษัทนี้ธุรกิจขึ้นอยู่กับการขายปลีกกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพ  เข้าใจง่ายอยู่

แล้วที่ผ่านมาเป็นไง

ตลาดพวกกล้องช่วงนึงผมก็คิดว่าไม่น่าจะรอดแล้ว  เพราะแต่ก่อนนู่นเลยกล้องที่ขายดีคือกล้อง Compact ที่ขนาดเล็ก  ราคาไม่สูงมากจับต้องได้  ขายกับกลุ่มคนทั่วไปเอาไว้ถ่ายรูปตอนไปเที่ยวนู่นนี่  ซึ่งตลาดกล้อง Compact นี่ตายเลยตอนที่มือถือเริ่มถ่ายรูปได้ดีขึ้น  คนก็ไม่รู้จะซื้อกล้องไปทำไมในเมื่อถ่ายด้วยมือถือก็คุณภาพพอๆกัน  แถมมือถือยังต่ออินเตอร์เน็ทแชร์หรือโพสได้ทันดีด้วย  ส่วนตลาดสำหรับพวกกล้อง DSLR ตัวใหญ่ก็ค่อนข้างจำกัด  ตัวกล้องมันใหญ่และหนัก  ที่สำคัญแพง  ก็จะขายได้สำหรับคนกลุ่มที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพของภาพมากๆเท่านั้น

โชคดีในช่วงปีหลังๆมานี้  มันมีกล้องกลุ่ม Mirrorless ถูกพัฒนาขึ้นมา  คุณภาพของภาพดีกว่ากล้องมือถืออย่างเห็นได้ชัด  ราคาไม่แพงเท่าพวก DSLR  ก็เลยทำให้ได้รับความนิยม  ตลาดกล้องเลยฟื้นกลับขึ้นมา

BIG Camera ก็เลยน่าจะได้รับอานิสงข์ขายดีไปด้วย  สังเกตจากที่รายได้และกำไรโตขึ้นเยอะมากในช่วงไม่กี่ปีนี้  ผมเชื่อว่ามาจากปัจจัยเรื่องกล้อง Mirrorless เป็นหลัก  บริษัทไม่ได้มีการขยายสาขาอะไรเยอะแยะ  กำไรกับยอดขายมาจากของที่ขายได้เยอะขึ้นกับมูลค่าสินค้าที่ขายได้แพงขึ้น

ส่วนธุรกิจอื่นของ BIG Camera ก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น  ผมไม่ได้มองว่าเป็นสาระสำคัญอะไรในเวลานี้  แต่เข้าใจว่าทางบริษัทที่พยายามออกมาขยายกลุ่มธุรกิจอื่นก็น่าจะเป็นเพราะตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ถ่ายภาพน่าจะค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว

ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ

ผลประกอบการล่าสุดของปีนี้  ดูเหมือนว่ายอดขายอุปกรณ์ถ่ายภาพของบริษัทไม่น่าจะเติบโตอะไรมากมายอาจจะน้อยลงนิดนึงด้วยซ้ำ  เลยทำให้คนน่าจะตกใจ  ราคาหุ้นเลยตกลงมาเยอะมาก

สมมติถ้าเราจะซื้อหุ้น BIG Camera เรื่องที่เราต้องนึกคือ

  1. ตลาดกล้องถ่ายรูป อนาคตมันจะยังทำได้อย่างน้อยคงที่ต่อไปหรือไม่

เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจ  มันขึ้นอยู่กับว่ากล้อง Mirrorless กับ DSLR จะพัฒนาตัวเองหนีนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือไปได้เรื่อยๆหรือเปล่า  ถึงวันนึงถ้ากล้องมือถือมันคุณภาพดีมากๆขึ้นมาอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้กล้องพวกนี้เลยก็ได้  และถ้าไม่ต้องมีกล้องก็ได้  ก็แปลว่าไม่ต้องมี BIG Camera ก็ได้  เรื่องนี้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงจริงจังอยู่เหมือนกัน  แต่ ณ วันนี้ดูเหมือนคุณภาพของ Mirrorless ก็ยังห่างกับมือถือทำให้คนยังยินดีซื้อกล้องพวกนี้อยู่นะ

  1. คนจะซื้อกล้องผ่านทางออนไลน์แทนหรือเปล่า

โดยทั่วไปสินค้าหรือของที่มีมูลค่าสูงผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะอยากเห็นของจริงอยากจับลองใช้ดูก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ  และกล้องก็เป็นหนึ่งในของที่ผมเชื่อว่าคนจะอยากจับของจริงก่อนซื้อ  แต่ล่าสุดผมเจอส่วนตัวเลยว่ามีคนซื้อของแบบนี้ทางออนไลน์อยู่เหมือนกัน  รุ่นพี่ที่รู้จักกันเค้าซื้อกล้อง Canon ผ่าน Lazada ครับ  ก็เลยทำให้นึกขึ้นมาเหมือนกันว่าถ้าคนอนาคตซื้อกันบนออนไลน์ BIG Camera ก็น่าจะอ้วกอยู่  แต่เรื่องนี้ผมว่ายังน่ากังวลน้อยหน่อย  เพราะเท่าที่เห็นคนส่วนใหญ่ที่ซื้อกล้องก็ยังไปที่ร้านอยู่นะ

ส่วนตัวแล้วผม ถ้าเอาตามตรงผมก็คิดว่าตลาดกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพก็ไม่น่าจะเติบโตไปกว่านี้เยอะแยะ  BIG Camera เองที่ส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่งก็ไม่น่าจะขยายไปได้มากกว่านี้นักหนา  มองว่าน่าจะทรงๆมากกว่า  ส่วนสายธุรกิจใหม่อย่างค้าปลีกมือถือกับอุปกรณ์ก็นึกไม่ออกว่ามันจะมีอะไรเด่นกว่าคุ่แข่งเดิมดังนั้นก็ไม่คิดว่าจะเป็นสาระสำคัญ  ธุรกิจที่พิมพ์ภาพก็ไม่น่าจะเป็นสาระเช่นกันเพราะคนที่จะสนใจพิมพ์ภาพออกมาเป็นแผ่นใหญ่ๆก็ไม่น่าจะเยอะ

ที่น่าสนใจอย่างเดียวเลยสำหรับผมคือตอนนี้ราคามันถูกครับ  อย่าง 2 ปีล่าสุดกำไรต่อหุ้นอยู่ 0.24 กับ 0.22 บาท  ถ้าเอาแบบหยาบๆว่าปีนี้และต่อๆไปกำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 0.2 บาทต่อหุ้น  ราคาตอนนี้ 1.96 บาท  คิดเป็นอัตรากำไร 10.2%  ก็ไม่เลวอยู่นะ  ขอแค่บริษัททำได้เท่าๆเดิมไปตลอดเท่านั้นเอง

Disclosure

ปัจจุบันผมไม่ได้มีหุ้นใน BIG Camera  แต่มีโอกาสที่จะลงทุนใน BIG Camera ในอนาคตถ้าราคาตกลงมาอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว  ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้

หุ้นที่ผมสนใจ – Bellway

Stock in my focus – Bellway

As of July 7, 2018               ราคาหุ้นอยู่ 2,897p

Bellway นี่เป็นบริษัททำธุรกิจสร้างบ้านในอังกฤษ  ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นเริ่มตกลงมาเลยเริ่มดูน่าสนใจมากขึ้น  วันนี้ผมพูดถึงบริษัทนี้กันครับ

bellway-houses bellway-national-new-home-survey

ลักษณะธุรกิจ

Bellway เป็นหนึ่งในบริษัทสร้างบ้านกลุ่มใหญ่ในอังกฤษ  อยู่ในตลาดสร้างบ้านในอังกฤษมากว่า 70 ปี  ทำบ้านเดี่ยวหลายขนาดมีตั้งแต่ใหญ่ 6 ห้องนอนจนถึงทำอพาร์ทเม้นต์  เมื่อเทียบกับคู่แข่งเฉลี่ยแล้วราคาบ้านของยี่ห้อนี้จะต่ำกว่า  เข้าใจว่าบริษัทเน้นสร้างบ้านตลาดกลุ่มกลางกับล่างมากกว่า  ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวจะสร้างอยู่นอกลอนดอน  ส่วนอพาร์ทเม้นต์จะเน้นอยู่ในโซน 2 ของลอนดอน

โมเดลธุรกิจคือแบบบริษัทสร้างบ้านทั่วไป  บริษัททำการมองหาทำเลที่น่าจะเอามาพัฒนาทำที่อยู่อาศัย, ไปซื้อที่ดินเหล่านั้นมา, ทำการวางแผนโครงการที่น่าจะขายได้, ทำการขายจอง, สร้างให้เรียบร้อย, ส่งมอบ  แล้วก็เก็บเงินลูกค้า  ก็คือธรรมดานั่นแหละ

คู่แข่งในตลาดสร้างบ้านก็มีเยอะพอสมควร  ถ้านับเฉพาะกลุ่มบริษัทที่เป็นขนาดใหญ่ด้วยกัน  Bellway ก็ถือว่าไม่ได้ใหญ่ที่สุด  มีใหญ่กว่าก็หลายเจ้าอยู่  บริษัทคู่แข่งหลักๆเช่น  Barratt Developments, Taylor Wimpey, Persimmon, Redrow

แล้วที่ผ่านมาเป็นไง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  บริษัทนี้ก็เหมือนบริษัทอื่นตรงที่ขาดทุนตอนปี 2009 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งก็เข้าใจได้เพราะในเวลานั้นความต้องการซื้อบ้านหดตัวลงรุนแรงมากและธนาคารเองก็ไม่ปล่อยกู้แน่นอนอยู่แล้ว  หลังจากปีนั้นมาบริษัทก็ฟื้นตัวขึ้นมาตามลำดับ  โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  ความต้องการบ้านใหม่ในอังกฤษสูงขึ้นมาก  พวกบริษัทอย่าง Bellway ก็ได้ประโยชน์และทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา  เรียกว่าทำได้ดีมากเลยแหละ  เพราะรายได้เพิ่มขึ้นจากทั้งจำนวนบ้านที่ขายก็เพิ่มขึ้น  และราคาขายเฉลี่ยต่อบ้านหนึ่งหลังก็เพิ่มขึ้น  ทำให้กำไรของบริษัท Bellway เพิ่มสูงขึ้นเยอะมาก (และจริงๆก็ทุกเจ้าในกลุ่มนี้แหละ)  จนปัจจุบันมีปัญหาอิฐก่อบ้านในตลาดมีไม่พอเลยทีเดียว

ที่สำคัญ  ดูเหมือนว่า Bellway จะสร้างบ้านได้คุณภาพใช้ได้ซะด้วย  อ้างอิงจาก National New Homes Survey 2018 สำรวจโดย Home Builders Federation  นับในกลุ่มคู่แข่งขนาดใหญ่ด้วยกัน  Bellway ก็เป็นยี่ห้อที่ได้เรทติ้ง 5 ดาวคู่กับ Barratt Developments  ส่วนคู่แข่งหลักอื่นๆก็จะมี  Taylor Wimpey, Redrow กับ Persimmon  พวกนี้เรทติ้งไม่ถึง 5 ดาว

ปีล่าสุดนี้ผู้บริหารก็ยังยืนยันว่ายอดขายยังสูงขึ้นอยู่  ความต้องการบ้านยังดีและปีนี้บริษัทน่าจะทำลายสถิติสร้างและขายบ้านได้ถึง 10,000 หลังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทด้วย

ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ

ถึงผลประกอบการปีที่แล้ว 2017 กับที่ผ่านมาของปีนี้ 2018 บริษัทจะทำได้ดีขึ้นอีก  แต่ราคาหุ้นเริ่มตกลงมาบ้างแล้ว  สาเหตุหลักดูเหมือนจะมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดบ้านโดยรวมของอังกฤษ  ปัจจัยที่ทำให้คนกังวลมีหลักๆดังนี้

  1. วัตถุดิบสร้างบ้านที่เริ่มขาดแคลน ทำให้ต้นทุนน่าจะสูงขึ้น

วัสดุสร้างบ้านอย่างอิฐกับหลังคาปัจจุบันขาดตลาดจนต้องนำเข้า  ยิ่งค่าเงินปอนด์ช่วงนี้ต่ำเพราะเรื่อง Brexit  ก็ทำให้ต้นทุนการสร้างบ้านเริ่มปรับสูงขึ้น

  1. อัตราดอกเบี้ยที่ดูแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ช่วงก่อนตั้งแต่ตอนมีวิกฤติเศรษฐกิจ  ธนาคารกลางหลายประเทศปรับอัตราดอกเบี้ยต่ำลงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ  เลยทำให้เป็นผลดีกับตลาดบ้าน  เพราะตลาดนี้คนมันต้องกู้เงินมาซื้ออยู่แล้ว  ดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้ต้นทุนการซื้อบ้านต่ำไปด้วย  แต่ทีนี้ช่วงหลังนี้ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มปรับดอกกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นละ  เพราะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ  อย่างอเมริกากับสหภาพยุโรปนี่ประกาศชัดเจนแล้วว่าปรับขึ้น  ด้งนั้นในอนาคตถ้าดอกเบี้ยสูงขึ้น  ต้นทุนของเงินกู้ซื้อบ้านก็จะสูงขึ้นด้วย

  1. สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของอังกฤษ ผลมาจากเรื่อง Brexit

ปัจจุบันอังกฤษกำลังจะต้องออกจากสหภาพยุโรปแล้ว  แต่เท่าที่ดูคือตกลงเรื่องพวกภาษีนำเข้าส่งออกยังไม่ได้  แปลว่าอนาคตเศรษฐกิจก็ต้องมีผลกระทบบ้างแน่นอน  ความไม่แน่นอนเรื่องนี้ยังมีอยู่เยอะมาก  ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น

ส่วนตัวผมก็คิดว่าเราคงไม่หวังให้ความต้องการบ้านในอังฤษสูงขึ้นพรวดพราดแบบแต่ก่อน  เพราะที่ผ่านมามันมาจากช่วงที่ฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจเลยโตแบบรวดเร็ว  เราคาดหวังให้มันคงที่หรือต่ำลงเล็กน้อยน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า

ทีนี้สิ่งที่ทำให้ผมเกิดสนใจขึ้นมาคือผเห็นตัวอย่างของ Land & House ที่ประเทศไทย  เชื่อว่าเวลาคนจะซื้อบ้านมันไม่ใช่บ้านอะไรก็ได้ถูกที่สุดเข้าว่ายี่ห้อไหนก็เหมือนกันน  ผมเชื่อว่าเวลาคนซื้อบ้านความมีชื่อเสียงและประวัติผลงานที่ดีของบริษัทมีผลมากอยู่  คนจะซื้อของราคาเป็นล้านคงไม่ใช่ซื้อสุ่มแน่นอน  และเท่าที่ดู Bellway ก็ได้รับเรทติ้งที่ดีมาติดต่อกันหลายปีน่าจะใช้ได้  อีกอย่างหนึ่งคือหนี้สินประเภทเงินกู้ระยะยาวของ Bellway ค่อนข้างน้อยมาก  แปลว่าบริษัทนี้ก็บริหารแบบใช้ความระมัดระวังพอสมควร  ผู้บริหารไม่บ้าจี้ไปเป็นหนี้แล้วขยายอะไรเกินตัว  ซึ่งตรงนี้สำคัญมากสำหรับธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก

ราคาหุ้นในเวลานี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว  กำไรต่อหุ้นช่วงปี 2016-2017 คือ 328p กับ 369p  ในขณะที่ราคาตอนนี้คือ 2,897p  สมมติง่ายๆถ้าปีต่อๆไปบริษัทนี้กำไรตกลงจากปี 2017 ไปซัก -10% เหลือเท่าไป 2016 พอ  เทียบกับราคาตอนนี้ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.32%  แล้วถ้าเราคิดสมมติกำไรตกลงจากปี 2017 ซัก -25%  อัตราผลตอบแทนก็ยังอยู่ที่ 9.55%  ซึ่งผมว่านี่ก็เผื่อพอสมควรแล้วนะ  แต่กำไรก็ยังใช้ได้อยู่  เลยเป็นอะไรที่ผมกำลังให้ความสนใจเวลานี้เลยครับ

ปล. หุ้นบริษัทสร้างบ้านอื่นในอังกฤษก็ดูไม่เลวนะ  ลองไปศึกษาเจ้าอื่นดูก็ดีครับ  มันราคาตกกันทั้งกลุ่มนี่แหละ

Disclosure

ปัจจุบันผมมีถือหุ้นใน Bellway  และมีโอกาสสูงที่จะลงทุนใน Bellway เพิ่มเติมในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคาตกลงมาอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว  ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้

 

เรียนรู้เรื่องงบการเงิน 1: งบการเงินคืออะไร? หาได้จากที่ไหน?

What is Financial Statement and Where to Find it?

งบการเงินเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจเลือกหุ้น

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่างบการเงินคืออะไร

เราหางบการเงินได้จากที่ไหน

FAQ : ถ้าอยากเล่นหุ้น แต่ไม่อยากรู้อะไรเลยทำไงดี? (VDO)

How to Invest well if I want to know NOTHING

วิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำตามได้… ไม่ต้องรู้เยอะก็เล่นหุ้นให้กำไรได้
แต่ถ้าจะให้ได้กำไรเยอะๆ & ชัวร์ๆ ให้เรารู้เยอะๆ จะดีที่สุดนาจาา (เตือนนะเตือน)
 
ปล. เตือนไม่ใช่ชื่อคน แต่เป็นคำกริยาที่เรากระทำต่อท่าน ณ โพสต์นี้

พอร์ตติดลบทำไงดี?

What To Do When Port Plunges?

ไม่มีใครหรอกที่ซื้อหุ้นทุกตัวแล้วขึ้นตลอด ขึ้นทุกตัว ไม่เคยตก! เป็นธรรมชาติของหุ้นที่ต้องมีขึ้นมีลง แต่ขึ้นอยู่กับว่าถ้าหุ้นตกหรือพอร์ตติดลบแล้ว เราจะทำอย่างไรกับมันต่างหาก เรื่องนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะตัดสินว่า คุณจะกำไรหรือขาดทุน

เรื่องต้องรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่ 4: จะรู้ได้ไงว่าราคาหุ้นต่ำที่สุดแล้ว?

How Do I know if the stock price reach the lowest?

แน่นอนว่าถ้าเรารู้ว่าราคาไหนต่ำที่สุด เราก็จะทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ชัวร์ๆ ถ้าอยากรู้คำตอบ เชิญรับชมวิดิโอได้เลยค่ะ

ลงทุนในหุ้นที่ให้ปันผลหรือไม่ปันผลดีนะ?

Should I invest in dividend stock or non-dividend stock?

หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าจะลงทุนในหุ้นที่ปันผลหรือไม่ปันผลดี ทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร พบกันได้ในวิดีโอค่ะ เราจะแชร์มุมมองของเราและทีมเรื่องนี้ในวิดีโอด้วย!