เรื่องต้องรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่ 3: กฎ 72 – เงินโต 2 เท่าต้องใช้เวลากี่ปี

Rule 72 : How long does it take to double your investment?

วิธีคำนวณว่าเงินที่ลงทุนจะเติบโตเป็น 2 เท่าต้องใช้เวลากี่ปีง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขทางการเงิน หรือสูตรทางการเงิน

หุ้นที่ผมสนใจ – Pandora A/S

Stock in my focus – Pandora A

As of May 20, 2018                       ราคาหุ้นอยู่ 501 DKK

Pandora นี้ผมก็เหมือนเคยเห็นร้านในไทยอยู่นะ  โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ค่อยอินกับธุรกิจกลุ่มนี้เท่าไหร่  แต่พอดีไปอ่านเจอว่าช่วงนี้ราคาหุ้นตกรุนแรงเลยน่าสนใจเอามาพูดถึงคร่าวๆครับpandora-logopandora-bracelets

อ่านต่อ »

หุ้นที่ผมสนใจ – Thor Industries

Stock in my focus – Thor Industries

As of May 13, 2018                       ราคาหุ้นอยู่ $96.04

วันนี้ผมนำเสนอหุ้นที่ไม่น่าจะมีคนรู้จักอีกเช่นเคย  Thor Industries เป็นบริษัทในอเมริกาที่ทำรถบ้าน (Recreational Vehicle or RV)  และที่สำคัญช่วงที่ผ่านมาราคาตกลงมารุนแรงจนน่าสนใจเลยเอามาพูดให้ฟัง

 

thor-brands thor1

ลักษณะธุรกิจ

Thor Industries ผลิตรถบ้าน  ทั้งแบบที่เป็นรถพ่วงที่ไปติดกับรถอื่นอีกทีและแบบที่มีเครื่องยนต์ในตัว  การผลิตทั้งหมดทำในอเมริกา  และตลาดหลักๆที่ขายคือในอเมริกากับแคนาดา  มีขายอะไหล่และอุปกรณ์เสริมต่างๆของรถบ้านด้วย  แต่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญ

Thor Industries เป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งด้านนี้  มีคู่แข่งหลักอันดับสองคือ Forest River (บริษัทในกลุ่มของ Berkshire Hathaway)  และอันดับสามคือ Winnebago Industries (ซี่งก็มีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกัน)

ส่วนแบ่งการตลาดโดยประมาณรวมในอเมริกาและแคนาดาของ Thor  ตลาดรถบ้านแบบพ่วงอยู่ที่ 50.7%  และตลาดรถบ้านแบบมีเครื่องยนต์อยู่ที่ 39.6%

บริษัทนี้ก็จะมีบริษัทลูกในกลุ่มที่ผลิตรถบ้านยี่ห้อตัวเอง  บริษัทลูกหลักๆก็จะมี  Airstream, Thor Motor Coach, Keystone, Heartland, KZ, Jayco

Thor Industries แบ่งที่มาของรายได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ

  1. รถบ้านแบบพ่วง

ปี 2017  ที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจรถบ้านแบบพ่วงคิดเป็น 71% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท

  1. รถบ้านแบบมีเครื่องยนต์ในตัว

ปี 2017  ที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจรถบ้านแบบมีเครื่องยนต์ในตัวคิดเป็น 27% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท

รถบ้านโดยปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นแบบพ่วงหรือมีเครื่องยนต์  สิ่งที่มีหลักๆก็จะเป็นห้องครัว, ห้องอาบน้ำ  และห้องนอน  รถบ้านมีตั้งแต่แบบพื้นฐานที่สุด  ไปจนถึงประเภทที่สะดวกสบายมีแอร์, มีเครื่องทำน้ำอุ่น, ทีวี, จานดาวเทียม, แผงโซล่าร์, ฯลฯ  ส่วนใหญ่รถบ้านมันจะเป็นแบบชั้นเดียว  แต่ประเภทแบบมีชั้นสองก็มีคนทำ

วัตถุประสงค์หลักของรถบ้านคือไปเที่ยวพักผ่อนทำกิจกรรมนอกบ้าน  โดยเฉพาะพวกไปตั้งแคมป์ในป่าอะไรแบบนั้น

แล้วที่ผ่านมาเป็นไง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  ก็จะมีช่วงปี 2009 ที่เป็นปีหลังวิกฤติเศรษฐกิจซับไพร์มที่จะทำได้เละหน่อยยังไม่ถึงกับขาดทุนแต่กำไรก็หดลงไปเยอะมาก  หลังจากผ่านช่วงปีนั้นมาก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ  จริงๆต้องบอกว่าดีขึ้นแบบพรวดพราดต่อกันหลายปี  ทั้งยอดขายที่สูงขึ้นและกำไรที่สูงขึ้น

สาเหตุหลักๆที่ทำได้ดี  มาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถบ้านโดยรวมที่โตขึ้นมากหลังปีวิกฤติเศรษฐกิจ   ยอดขายรถบ้านช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตปีละ 15% ได้  ความต้องการมาจากความนิยมไลฟ์สไตล์การเที่ยวแบบนี้ในหมู่คนรุ่นใหม่สูงขึ้น  บวกกับว่าคนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มีเงินและยังแข็งแรงเริ่มทยอยเกษียณแล้วเริ่มใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากขึ้น

ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ

ช่วงนี้ราคาหุ้น Thor Industries ตกลงมารุนแรงทีเดียว  ทั้งที่ตัวบริษัททำกำไรได้ดีขึ้น  เข้าใจว่าสาเหตุหลักๆคือ

  1. ช่วงก่อนราคาสูงขึ้นไปเยอะ นักลงทุนเลยอาจรู้สึกว่าราคามันอาจจะแพงขึ้นมาเร็วเกินไปก็เลยมีการเทขายออกมา
  2. ผลประกอบการของคู่แข่ง Winnebago ยอดขายโต, กำไรโต แต่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
  3. คนมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ยอดขายจะโตด้วยอัตราเร่งนี้ตลอดไป

ส่วนตัวผมแล้วมองว่า  ก่อนหน้านี้ที่ราคาขึ้นไปสูงนี่ก็สูงเกินไปจริงๆ  แต่ตอนนี้ที่ราคาตกลงมารุนแรงก็เริ่มดูชักจะต่ำเว่อร์ละเหมือนกัน  ถ้าเราเอาอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นปีที่แล้วเทียบกับราคาตอนนี้เท่ากับผลตอบแทนประมาณ 7.38% ละครับ  แล้วจริง 6 เดือนล่าสุดผลประกอบการของ Thor Industries รายได้โตขึ้น 27.48%  และกำไรโตขึ้น 44.95% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนรอบปีก่อนหน้าด้วย

โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่ายอดขายรถบ้านจะเติบโตด้วยอัตราเร่งแบบนี้ไปเรื่อยๆ  มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน  แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะต้องหดตัวรุนแรงในระยะเวลาอันใกล้นี้  ผมคาดว่าสุดท้ายตลาดก็น่าจะคงที่หรือเติบโตช้าๆเพราะอุตสาหกรรมด้านนี้มันค่อนข้างจำกัด  และดังนั้นราคาที่ตกลงมารุนแรงจนเริ่มถูกแค่เพราะนักลงทุนมองแง่ลบโดยที่บริษัทไม่ได้ทำได้แย่ลงหรือเจอปัญหาอะไร  ก็เลยทำให้หุ้นบริษัทนี้ดูน่าสนใจมากในเวลานี้ครับ

Disclosure

ปัจจุบันผมไม่ได้มีหุ้นใน Thor Industries  แต่มีโอกาสที่จะลงทุนใน Thor Industries ในอนาคตโดยเฉพาะยิ่งถ้าราคาตกลงมาอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว  ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้

กลับมาดูหุ้นที่เคยพูดถึง – NEXT

Looking back – NEXT

+47.16%

จากตอนที่เคยพูดถึง July 9, 2017           มาถึงตอนนี้ May 12, 2018

next-performance

วันนี้เรามามองย้อนกลับไปดู  NEXT ซึ่งเป็นหุ้นที่ผมเคยเขียนถึงว่าน่าสนใจในซีรี่ส์ Stock in my focus กันครับ  ถ้าไม่เคยอ่านเรื่อง NEXT มาก่อน  กลับไปอ่านได้ที่  http://www.adisonc.com/stock-in-my-focus-next/

ความเดิมตอนที่แล้ว

NEXT เป็นบริษัทค้าปลีกในอังกฤษ  ขายเสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องประดับ

ตอนนั้นเขียนบทความแนะนำบริษัทนี้  เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค  คนอังกฤษกำลังซื้อตกลงและตัวเลขการใช้จ่ายซื้อพวกเรื่องเสื้อผ้าน้อยลง  ทำให้ตลาดมีทัศนคติไม่ดีกับหุ้นนี้

แต่ผมมองว่ามันไม่ได้เป็นปัญหารุนแรงขนาดนั้นและราคาที่ตกลงมารุนแรงนี้ตกมาเว่อร์เกินไป  ยังไงในอนาคตคนอังกฤษก็ยังต้องซื้อเสื้อผ้า  และเศรษฐกิจอังกฤษในระยะยาวก็ไม่ได้ว่าจะล่มสลายไป  ดูแล้วราคาตอนนั้นถูกเกินไปค่อนข้างแน่นอน

มาถึงตอนนี้

ในเชิงผลประกอบการ  ปี 2017 ที่ผ่านมาบริษัท NEXT plc เทียบกับปี 2016  ก็กำไรลดน้อยลงจริงตามคาด  ลดน้อยลงอยู่ -6.7%

แต่เนื่องจากตอนแรกนักลงทุนมองภาพติดลบรุนแรงกว่านี้ท่ก  พอมาตอนนี้ก็เลยหายตกใจ  ราคาหุ้นเลยพุ่งกลับขึ้นมา

ผลสรุป

จากช่วงเวลานั้นราคาหุ้นอยู่     3,766p

ตอนนี้ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่     5,542p

ได้กำไร  +47.16% ในเวลาประมาณไม่ถึง 1 ปี

กรณีของ NEXT นี่ก็ค่อนข้างโชคดีนะผมว่า  เพราะถึงเราจะรู้ว่าราคาหุ้นตอนนั้นมันถูกเกินไปและราคาน่าจะสูงขึ้นอนาคตกำไรค่อนข้างแน่นอน  แต่เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าราคามันจะฟื้นกลับมาเร็วขนาดนี้

หุ้นที่ผมสนใจ – Stericycle

Stock in my focus – Stericycle

As of April 22, 2018                      ราคาหุ้นอยู่ $60.36

Stericycle ธุรกิจเค้าไม่ธรรมดาครับ  บริษัทนี้จัดการขยะทางการแพทย์และขยะอันตราย  เป็นบริษัทหนึ่งที่ผมว่าพื้นฐานตัวธุรกิจดีเยี่ยมและที่ผ่านมาราคาหุ้นแพงมากจนไม่น่าสนใจ  เพิ่งเร็วๆนี้ที่ราคาตกลงมารุนแรง  ผมเลยเริ่มจับตามองละครับ

stericycle-logo stericycle-truck stericycle-what-we-do

ลักษณะธุรกิจ

บริษัท Stericycle แต่แรกเริ่มก่อตั้งปี 1989 คือให้บริการจัดการขยะทางการแพทย์  ขยะทางการแพทย์นึกถึงพวกเข็มฉีดยา, ถุงมือหมอ, ขยะที่อาจมีเชื้อโรคอะไรพวกนั้น  บริษัทนี้ทำการเก็บขยะจากลูกค้าซึ่งอาจจะเป็นโรงพยาบาล, คลีนิค, ร้านหมอฟัน, ฯลฯ  แล้วนำไปกำจัดจะด้วยการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนแรงดันสูงแล้วเอากลับมาใช้หรือเผาแล้วเอาไปฝังก็แล้วแต่

ปัจจุบัน Stericycle ขยายตัวขึ้นมาใหญ่มาก  และลักษณะธุรกิจก็ขยายจากเฉพาะขยะทางการแพทย์มารวมพวกขยะอันตรายและขยะที่ถูกกฎหมายควบคุมต่างๆ  และยังมีบริการเสริมอื่นด้วย  ธุรกิจที่ทำมีประมาณนี้

  • จัดการขยะทางการแพทย์
  • จัดการขยะจากอุตสาหกรรมยา
  • จัดการขยะโรงงานอุตสาหกรรม
  • จัดการขยะข้อมูล (ทั้งกระดาษเอกสารและฮาร์ดดิสค์คอมพิวเตอร์)
  • บริการให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม
  • บริการเก็บเรียกคืนสินค้า

บริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก  แต่ธุรกิจที่เป็นสาระสำคัญก็จะเป็นทวีปอเมริกาเหนือเป็นหลักคือ  อเมริกากับแคนาดา

อ่านต่อ »

หุ้นที่ผมสนใจ – Invesco

Stock in my focus – Invesco

As of April 21, 2018 ราคาหุ้นอยู่ $31.06
Invesco คนทั่วไปไม่น่าจะรู้จักเพราะเป็นบริษัทบริหารจัดการกองทุนในอเมริกา แต่ด้วยว่าช่วงนี้ราคาตกลงมาพอสมควรกับว่าจริงๆก็เป็นบริษัทที่ทำได้ใช้ได้ ผมเลยเริ่มติดตามและมาพูดถึงให้ฟังครับ

invesco-logoinvescoลักษณะธุรกิจ

เป็นบริษัทบริหารจัดการกองทุน รายได้คือมาจากค่าธรรมเนียมที่ลูกค้ารายย่อยหรือสถาบันเอาเงินมาฝากไว้กับกองทุนที่บริษัทนี้เป็นคนบริหาร

รูปแบบของกองทุนที่บริษัทนี้บริหารหนักมาทาง Active ตามข้อมูล ณ สิ้นปี 2017 คิดจากเงินที่บริหารทั้งหมด (Asset under management หรือย่อว่า AUM) $937.6 billion เป็นกองทุนบริหารแบบ Active $738.6 billion และเป็นกองทุนบริหารแบบ Passive $199 billion จะเห็นว่ากองทุนแบบ Active นี่เกือบ 80% ของบริษัททีเดียว

Invesco เป็นอันดับที่ 4 ของบริษัทที่ออกกองทุน ETFs (Exchange Traded Funds) ในอเมริกา มีสินทรัพย์กองทุนอยู่ประมาณ $177 billion ใหญ่กว่าอันดับที่ 5 Charles Schwab อยู่พอสมควร แต่ห่างกับอันดับที่ 1-3 Blackrock, Vanguard และ State Street อยู่ไกลมาก

อ่านต่อ »

DCA (Dollar Cost Averaging) การลงทุนถัวเฉลี่ยต้นทุนคืออะไร

What is Dollar Cost Averaging?

DCA เป็นอีกหนึ่งวิธีการลงทุนที่หลายคนใช้อยู่ หากเราเข้าไปในธนาคาร อาจเคยได้ยินเจ้าหน้าที่ธนาคารชักชวนให้เราเจียดเงินทุกเดือนเท่าๆ กันซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งหรือกองทุนที่ลงทุนในหุ้น วิธีการนี้เรียกว่า DCA หรือ Dollar Cost Averaging หรือภาษาไทยคือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย

วิธีการนี้เป็นอย่างไร มีผลดีผลเสียอย่างไร เหมาะหรือไม่เหมาะกับใคร ลองรับชมกันได้เลยครับ