ช่วงนี้เริ่มจะโดนคนถามหัวข้อนี้หลายครั้งน่าจะเป็นเพราะมีคนสนใจเยอะ ดังนั้นเพื่อความชัดเจนผมเลยมาเขียนตอบเป็นบทความเอาชัดๆ ส่วนตัวผมคิดว่าตอนนี้บิทคอยน์และเงินดิจิตัลสกุลตั้งเองทั้งหลายเป็นฟองสบู่ และผมจะไม่ลงทุนหรือสนับสนุนให้ลูกศิษย์หรือใครก็ตามลงทุนในพวกนี้แน่นอน ด้วยเหตุผลอะไรเดี๋ยวผมพยายามเรียบเรียงอธิบายความคิดผมให้ฟังครับ
อย่างแรกต้องมาตั้งสติกันนิดนึงก่อนว่าสรุปบิทคอยน์กับเงินดิจิตัลทั้งหลายนี่มันคืออะไรกันแน่ มันเป็นทรัพย์สินที่โดยตัวมันเองมีค่าหรือเปล่า หรือมันเป็นทรัพย์สินที่มีค่าจากการที่คนสมมติมูลค่ามันขึ้นมา
ทรัพย์สินสำหรับผมมันจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆตามที่มาของมูลค่า คือ
-
ทรัพย์สินที่ตัวมันเองมีค่า เพราะทำประโยชน์อะไรซักอย่างก่อให้เกิดรายได้
เช่น ห้องคอนโด นึกภาพอย่างถ้าเราเป็นเจ้าของห้องคอนโดที่สามารถปล่อยเช่าได้ ทุกเดือนมีคนใช้ห้องที่เราเป็นเจ้าของ ผู้เช่าต้องจ่ายค่าเช่าให้เราทุกเดือนเนื่องจากเราเป็นเจ้าของห้องนั้น ดังนั้นห้องคอนโดเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าโดยตัวมันเอง เพราะตัวมันเองทำงานสร้างรายได้ให้เราได้
หรืออย่างหุ้น นึกภาพหุ้น CPALL ก็ได้ มันคือใบแสดงสิทธิ์ว่าเราเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทที่ทำ 7-11 เวลามีคนมาซื้อของและบริษัทมีกำไร กำไรส่วนหนึ่งนั้นเป็นของเรา บางส่วนของกำไรของเราก็ถูกปันผลออกมาเป็นเงินสดให้เรา บางส่วนก็สะสมเก็บไว้ในบริษัทไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มกำไรมากขึ้นในปีต่อๆไป ดังนั้นหุ้นเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าโดยตัวมันเอง เพราะมันทำงานสร้างรายได้ให้เราได้
ทรัพย์สินกลุ่มนี้เวลาขาย ราคาขายมันจะมาจากความสามารถในการสร้างรายได้เป็นหลัก บวกกับความนิยมของคนเป็นปัจจัยเสริม
-
ทรัพย์สินที่ตัวมันเองไม่มีค่า มูลค่ามาจากคนสมมติขึ้นมา
เช่น ของสะสม, เหรียญสะสม, ภาพวาด, ฯลฯ พวกนี้โดยตัวมันเองไม่ได้สร้างรายได้ มูลค่าขึ้นกับการที่คนให้มูลค่ามัน จะเพราะอยากได้หรือชอบหรือเก็งกำไรก็แล้วแต่
หรืออย่างค่าเงิน ไม่จำกัดว่าเป็นเงินดิจิตัลหรือเงินบาท, ปอนด์, ฯลฯ พวกนี้โดยตัวมันเองก็ไม่ได้สร้างรายได้ มีไว้เป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยนเฉยๆ มูลค่ามาจากคนสมมติเช่นกัน
ทรัพย์สินกลุ่มนี้เวลาขาย ราคาขายมันจะมาจากความนิยมของคนเป็นหลัก
ทีนี้บิทคอยน์และเงินดิจิตัลคืออะไร ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นสกุลเงิน เพียงแต่ว่ามีจุดเด่นบางอย่างเพราะใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการบันทึกธุรกรรมแค่นั้นเอง เพื่อความเข้าใจง่ายเอาเป็นว่าหลักๆแล้ว มันคือสกุลเงินที่ไม่มีการควบคุมโดยหน่วยงานรัฐ (เหมือนอย่างเงินบาทงี้ที่ควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย), ไม่อาศัยตัวกลางอย่างธนาคาร และยากต่อการปลอมแปลง ยังไงในรายละเอียดต้องขอให้ไปหาอ่านที่อื่นเอาไม่งั้นมันจะอธิบายยาวมาก
จริงๆมันจะมีเหตุผลทางเทคนิคอื่นที่ทำให้ผมไม่ไว้ใจจะลงทุนในกลุ่มพวกนี้ แต่สมมติตัดเหตุผลเหล่านั้นไป เอาสาเหตุหลักๆพอ สิ่งที่ทำให้ผมไม่ลงทุนในพวกนี้แน่นอนเรียงตามความสำคัญคือ
-
มูลค่าขึ้นอยู่กับการยอมรับของคน
เนื่องจากมันเป็นสกุลเงินน่ะครับ ประเด็นหลักของสกุลเงินคือเอาไว้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อของ
นึกภาพดูนะอย่างเช่นเงินบาท ทำไมเงินบาทถึงมีคนอยากได้ ก็เพราะถือเงินบาทไว้สามารถเอาไปซื้อของในไทยได้ไง อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวไทย หรือใครอยากจะมาซื้อของไทย ถ้ามีคนอยากได้เงินบาทเยอะๆก็จะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
แล้วทำไมแบงค์กาโม่ไม่มีคนอยากได้ ก็เพราะถือแบงค์กาโม่ไปซื้อของแล้วคนไม่รับใช่มั้ยครับ
ดังนั้นบิทคอยน์หรือค่าเงินอะไรก็แล้วแต่จะมีค่า ก็ต่อเมื่อมีคนยอมรับมันเป็นสื่อการกลางการซื้อขาย
ซึ่งประเด็นนี้ ปัจจุบันบิทคอยน์เอาไปใช้ซื้ออะไรได้อยู่นะ แต่ส่วนใหญ่เป็นพวกสินค้าหรือบริการออนไลน์ ของทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ซื้อขายด้วยบิทคอยน์ได้ก็ยังน้อยมาก แล้วก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีคนยอมรับแค่ไหน
ปัจจุบันบิทคอยน์ซื้ออะไรได้บ้าง ลองอ่านนี่ดู https://99bitcoins.com/who-accepts-bitcoins-payment-companies-stores-take-bitcoins/
-
มีเงินดิจิตัลใหม่โผล่มาได้อยู่ตลอด
สมมติเราบอกว่าอนาคตคนจะไม่ถือเงินสด เงินอยู่ในรูปดิจิตัลหมด ซึ่งแบบนั้นมันเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นแหละเพราะเทคโนโลยีมันไปในทางนั้นจริง และการจ่ายด้วยโทรศัพท์หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ก็มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วทำไมต้องบิทคอยน์ ในเมื่อวันดีคืนดีก็มีคนอื่นโผล่มาทำเงินดิจิตัลอื่นเมื่อไหร่ก็ได้
บิทคอยน์ต่างกับบิทคอยน์แคชอย่างไร ใครบอกผมได้บ้าง หรือทำไมไม่ไปใช้เงิน Ethereum แทน หรือทำไมไม่ไปใช้ Ripple แทน หรือสกุลเงินอื่นๆในอนาคตที่อาจจะโผล่ขึ้นมา ในเมื่อสุดท้ายแล้วพวกนี้มันเป็นแค่สื่อกลางในการซื้อขายนี่ครับ มันมีความแตกต่างอะไรกันตรงไหนเหรอ
-
เสียเปรียบเงินสกุลหลักที่รัฐบาลให้การรับรอง
ผมนึกไม่ออกว่าในฐานะเป็นสื่อกลางการซื้อขายของ การซื้อขายด้วยบิทคอยน์สำหรับบุคคลทั่วไปแบบเรานี่มันได้เปรียบการซื้อขายด้วยเงินปกติตรงไหน ง่ายกว่าหรือปลอดภัยกว่าหรือค่าใช้จ่ายถูกกว่ายังไง
สุดท้ายเงิบบาท, ดอลล่าร์ หรือเงินสกุลหลักอื่นๆที่รัฐบาลของประเทศให้การรับรอง มันก็สามารถอยู่ในรูปแบบดิจิตัลได้เหมือนกัน ทุกวันนี้เวลาเราโอนเงินซื้อของนู่นนี่เราก็ทำได้ด้วยมือถือหรือออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย และเรื่องค่าธรรมเนียมก็ต่ำลงเรื่อยๆ อย่างประเทศไทยทุกวันนี้มี Prompt Pay โอนต่างธนาคารต่ำกว่า 5,000 บาทก็ฟรีแล้วด้วย แถมได้รับการรับรองโดยรัฐบาลว่าสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายด้วยนะ
มันมีเหตุผลหรือประเด็นอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ที่จะใช้บิทคอยน์หรือเงินดิจิตัลอื่น ซึ่งเท่าที่เห็นความได้เปรียบก็มีจะแต่เรื่องว่าไม่สามารถติดตามตรวจสอบธุรกรรมได้ ทำให้ขายของผิดกฎหมายหรือหนีภาษีได้
-
ตอนนี้คนส่วนใหญ่ที่ซื้อบิทคอยน์หรือเงินดิจิตัล ซื้อเพราะการเก็งกำไร
เท่าที่เห็นทั้งในข่าวหรือที่ถามคนทั่วไป คนให้ความสนใจกับว่าบิทคอยน์จะขึ้นต่อมั้ย Ethereum จะราคาขึ้นด้วยมั้ยปีนี้ ปีที่แล้วราคาขึ้นมากี่ % แล้ว ถึง $10,000 แล้ว หรืออะไรประมาณนี้ คนไม่ได้สนใจจะถือบิทคอยน์หรือเงินดิจิตัลเพราะจะไปใช้ซื้อสินค้าอะไร แล้วในข่าวเองก็แทบจะไม่มีใครพูดถึงว่ามีร้านค้าไหนรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์บ้าง มีแต่คนมาให้สัมภาษณ์ว่าราคาจะขึ้นต่อไปนะ หรือราคาน่าจะตกนะ วันนี้ราคาขึ้น วันนี้ราคาลง ฯลฯ
บรรยากาศแบบนี้มันบรรยากาศของเก็งกำไรชัดๆ ฟองสบู่แน่นอน คนกำลังเมากับความโลภ
ผมไม่รู้ว่ายังไง ในอนาคตต่อไปอาจจะมีคนใช้บิทคอยน์ซื้อของอยู่หรือไม่มีก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆตอนนี้นี่มันฟองสบู่นี่หว่า ช่วงเวลาที่คนแห่ซื้ออะไรซักอย่างโดยไม่สนใจว่าซื้อมาเพื่อทำอะไรสนใจแค่กะจะขายต่อให้คนอื่นได้แพงขึ้น ถึงจุดหนึ่งเมื่อไม่มีคนบ้ามาซื้อต่อ ราคามันก็จะหยุดแล้วคนก็จะเริ่มตกใจแห่ขายแทน อาการแบบนี้มันมีมาเยอะละครับ
ปิดสรุปสุดท้าย ถึงผมจะเชื่อว่ามันเป็นฟองสบู่นะ แต่มันไม่ได้แปลว่าราคามันจะขึ้นไปอีกไม่ได้ ราคาเงินดิจิตัลพวกนี้ปีนี้มันอาจจะขึ้นพรวดไปอีก ถ้าเราไปซื้อก็อาจจะกำไรก็ได้ แค่ผมขอให้เราตระหนักว่ากำลังเก็งกำไรอยู่และมีโอกาสเละละกัน เพราะเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งคนจะหายบ้า และทรัพย์สินเก็งกำไรที่ตัวมันเองไม่มีมูลค่าแบบนี้ราคามันจะหล่นโครมลงมาเมื่อคนเปลี่ยนความคิด
ใครจะเข้าไปเก็งกำไรก็เชิญเลยครับ น่าจะตื่นเต้นได้ลุ้นดีนะ ส่วนตัวผมไม่ลงทุนในพวกนี้แน่นอน ผมไม่นิยมลงทุนในอะไรที่ผมไม่มั่นใจอย่างน้อย 80% ว่าจะกำไร แทนที่จะไปวัดดวงนั่งลุ้นกับพวกนี้ สู้ผมฉวยโอกาสซื้อหุ้นกิจการดีแล้วราคาตกรุนแรงเพราะคนตกใจ เอากำไรง่ายๆสบายๆไม่ดีกว่าเหรอ