มีวิธีอะไรมั้ย ทำให้ไม่ตกใจเวลาตลาดหุ้นตก ?

How to not panic when SHFT in the stock market

มีวิธีอะไรมั้ย ทำให้ไม่ตกใจเวลาตลาดหุ้นตก ?

มีคนอยากได้วิธีคิดให้สามารถถือหุ้นข้ามวิกฤติ  เพราะเค้าบอกต่อให้เรารู้ว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแต่เวลาหุ้นตกกันทั้งตลาดก็ตกใจอยู่ดี  ก็เป็นคำถามที่ดีนะ  ผมก็มานั่งนึกนะว่าอะไรจะช่วยได้บ้าง

ปัจจัยสำคัญอันนึงที่ผมว่าช่วยได้เยอะคือประสบการณ์  คนที่ลงทุนมานานระดับนึงมันก็จะเห็นกับตาไงว่ามันไม่เป็นไรจริงๆนะการถือหุ้นข้ามวิกฤติตราบใดที่พื้นฐานหุ้นยังดีอยู่  คนที่มีประสบการณ์เคยเจอมาก่อนมันก็จะคุมสติง่ายกว่า  แต่อันนี้มันไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เพราะคนที่ไม่มีก็คือไม่มี  มันไม่มีทางทำให้คนไม่มีประสบการณ์อยู่ๆมีขึ้นมาได้

สิ่งที่น่าจะช่วยได้หลักๆเลยก็น่าจะเป็นการตัดสินใจด้วยตรรกะนะ  คือตราบใดที่เราตัดสินใจแบบเอาอารมณ์ออกไปได้มันก็น่าจะช่วยตัดความกลัวที่ไม่มีเหตุผลออกไปได้เยอะ  ซึ่งการจะให้คนเราตัดสินใจตรรกะล้วนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  แต่ผมคิดว่าถ้าทำสิ่งต่อไปนี้น่าจะช่วยได้

  1. เรียบเรียงการตัดสินใจของเราว่าทำไมเราถึงซื้อหรือไม่ซื้อหุ้นนั้น
  2. เขียนประเด็นสำคัญที่มีผลต่อหุ้นนั้นออกมาในกระดาษ
  3. คอยเช็คดูว่าเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบทำให้เราตกใจนี่หรือเปลี่ยนแปลงไป  มันกระทบประเด็นสำคัญเหล่านั้นมั้ย  พิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
  4. ตัดสินใจอีกทีจากประเด็นสำคัญที่เราสรุปได้

ตัวอย่างเช่น  อย่างผมนี่มี REIT ที่ทำห้างในยุโรปนะ

เรียบเรียงสาเหตุที่ผมตัดสินใจซื้อมีดังนี้

  • เช็คดูแล้วว่าห้างพวกนั้นดูมีความต้องการอยู่  จากการที่ occupancy สูงมากก่อนโควิดมาตลอด
  • โควิดเกิดขึ้นแล้ว  มีการปิดห้างบางช่วง  บริษัทมีการยกเว้นค่าเช่าให้ร้านค้า  แต่โดยรวมก็ยังกำไรอยู่ไม่ได้ถึงกับขาดทุน
  • หลังจากห้างกลับมาเปิด  ปริมาณการขายของในห้างกลับมาอยู่ในระดับที่สูงมากจนเกือบปกติ
  • Occupancy แทบไม่ลด  และดูเหมือนจะยังปล่อยเช่าได้โดยที่ค่าเช่าสูงขึ้น  เก็บเงินได้เกิน 90%
  • ราคาหุ้นตกรุนแรง  โดยที่เท่าที่ดูแล้วไม่เห็นแนวโน้มของปัญหาถาวร  กำไรหดจากแค่ค่าเช่าที่ยกให้กับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินเฉยๆ
  • เชื่อว่าโควิดไม่ได้อยู่ไปตลอด

ประเด็นสำคัญที่จะมีผลคือ

  • โควิดจบหรือไม่  ขึ้นกับวัคซีนฉีดมั้ย, ฉีดแล้วได้ผลหรือเปล่า
  • โควิดต้องไม่นานเกินจนผู้เช่าเจ๊งหมด  ซึ่งเราจะวัดจาก occupancy, collection, rent renewal

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่น

  • 3rd wave  ก็ไม่เกี่ยวนี่  เรารู้อยู่แล้วว่ามันก็จะระบาดไปเรื่อยจนกว่าจะแก้ได้ถาวร
  • ฉีดวัคซีนช้าด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่  อันนี้สมควรติดตามดู
  • ไวรัสกลายพันธุ์  เท่าที่ทราบวัคซีนยังได้ผลอยู่นี่  และตามข่าวคือถ้าจำเป็นก็ปรับวัคซีนตามได้
  • ตลาดหุ้นตกโดยเฉพาะพวกกลุ่มหุ้น tech  …  ไม่เกี่ยวสุดๆ

สรุป ถือต่อไปไม่มีอะไร
 

หรืออีกตัวอย่างนึงที่มีการเปลี่ยนใจ  คือกรณีที่ซื้อหุ้นเรือสำราญ  จากตอนแรกไม่ซื้อ

เรียบเรียงสาเหตุที่ผมตัดสินใจไม่ซื้อตอนแรกสุดมีดังนี้

  • บริษัทขาดทุนหนัก  เดินเรือไม่ได้เลย = ไม่มีรายได้  ต่อให้ระดมทุนได้ก็แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น
  • ณ เวลานั้น  วัคซีนข่าวบอกอาจกว่าจะได้ต้องใช้เวลาถึง 2021-2022  ไม่รวมว่าต้องใช้เวลาฉีดอีก

ประเด็นสำคัญที่จะมีผลคือ

  • การมีวัคซีนหรือยาที่จะทำให้โควิดจบ
  • บริษัททนได้นานขนาดไหน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่น

  • กู้ยืมเงิน + ออกหุ้นใหม่ได้เพิ่ม  ก็แค่ยืดเวลา  โดยตัวมันเองไม่มีประเด็นเท่าไหร่
  • ลดค่าใช้จ่ายได้บ้าง  ก็แค่ยืดเวลาเช่นกัน  โดยตัวมันเองไม่สำคัญเท่าไหร่
  • มีวัคซีนตอนปลายปี 2020  ทดลองฉีดแล้วได้ผล  อันนี้สำคัญมากละ

สรุป เปลี่ยนจากไม่ซื้อมาซื้อในภายหลัง

 

ประมาณนี้แหละนึกภาพออกมั้ย  คือเวลาตัดสินใจให้จับตามองประเด็นที่มันสำคัญเป็น key จริงๆ  ถ้ากลัวสติแตกก็เขียน  ช่วยได้ครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี