As of July 7, 2018 ราคาหุ้นอยู่ 3,577p
ก่อนหน้านี้ผมมีเขียนถึง Bellway ที่ทำธุรกิจสร้างบ้านในอังกฤษไป อันนี้จะมาเขียนถึง Berkeley Group ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านเหมือนกันแต่คนละกลุ่มตลาด ช่วงที่ผ่านมาบริษัทกลุ่มนี้อาการคล้ายๆกันคือราคาหุ้นเริ่มตกลงมาพอสมควร จนตอนนี้ผมเริ่มสนใจละครับ
ลักษณะธุรกิจ
Berkeley Group เป็นหนึ่งในบริษัทสร้างบ้านที่ค่อนข้างใหญ่ในอังกฤษ ถ้านับจำนวนบ้านที่สร้างอาจจะไม่ได้ถือเป็นรายใหญ่ในตลาด แต่ถ้านับรายได้รวมจริงๆขนาดธุรกิจก็พอกับ Bellway แหละ
Berkeley Group นี่เน้นสร้างบ้านในลอนดอนกับทางตะวันออกเฉียงใต้ มียี่ห้อหลักคือ Berkeley แล้วก็มีโครงการร่วมทุนกันพัฒนากับบริษัทอื่นที่บริษัท Berkeley Group ถือหุ้นใหญ่อยู่อีกคือ St Edward, St George, St James, St Joseph, St William
จุดเด่นของบริษัทนี้คือ ราคาบ้านของกลุ่ม Berkeley แพงกว่ากลุ่มบริษัทสร้างบ้านอื่นพอสมควร อย่างตัวยี่ห้อหลัก Berkeley ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยคือ £715,000 เทียบกับ Bellway ที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ว่าทำบ้านระดับกลางถึงล่างราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ £252,793 หรือเทียบกับ Barratt Developments ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ £313,000 จะเห็นว่าแพงกว่าเกินเท่าตัว
ยิ่งถ้าเป็นโครงการร่วมทุนยิ่งเน้นหรูเข้าไปใหญ่ ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง £1,646,000 ลองแปลงเป็นเงินบาทดูแล้วจะเห็นภาพว่าบริษัทนี้ขายบ้านกลุ่มแพงมากจริง
คู่แข่งในตลาดสร้างบ้านก็มีเยอะพอสมควร เช่น Crest Nicholson, Barratt Developments, CALA Homes, etc.
แล้วที่ผ่านมาเป็นไง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทนี้ก็เหมือนบริษัทอื่นตรงที่ผลประกอบการทรุดลงไปช่วงปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ปกติแหละเพราะในเวลานั้นความต้องการซื้อบ้านหดตัวลงรุนแรงมาก แต่ Berkeley Group ไม่ถึงกับขาดทุนซึ่งก็ถือว่าเจ๋งมากละ หลังจากปีนั้นมาบริษัทก็ฟื้นตัวขึ้นมาตามลำดับ โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ความต้องการบ้านใหม่ในอังกฤษสูงขึ้นมากเศรษฐกิจฟื้นตัวคนมีกำลังซื้อ พวกบริษัทอย่าง Berkeley Group ก็ได้ประโยชน์และทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เรียกว่าทำได้ดีมากเลยแหละ โดยรวมปีหลังๆกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเยอะมาก
Net Profit Margin (อัตราส่วนกำไรสุทธิ) ของ Berkeley Group จะสูงกว่าบริษัทประเภทเดียวกัน ลัวเลขเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของ Berkeley Group อยู่ที่ประมาณ 19% ถ้าเป็นของ Bellway อยู่ 16% หรือถ้าเป็น Barratt Developments อยู่ 10% ซึ่งก็สอดคล้องกับราคาขายเฉลี่ยของบ้านยี่ห้อนี้
ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ
ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเนี่ยแหละครับ คือเค้ากังวลเรื่องแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมว่าอาจจะชะลอตัวลง และจะมีผลต่อบริษัท Berkeley Group ปัจจัยหลักๆที่คนกังวลคือ
- ผู้บริหารออกมาบอกว่าจะไม่ขยายโครงการใหม่นอกเหนือจากแผนที่วางไว้แล้ว
หลักๆคือเค้าอ้างว่าสภาวะตลาดไม่เอื้อ และทาง Berkeley Group ก็ดูเหมือนจะไม่อยากลดราคาขายด้วยเพื่อปกป้องอัตราส่วนกำไร ก็เลยอาจจะไม่ขยายเพิ่มมากกว่าที่วางแผนไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากำไรจะลดลงหรือยอดขายตกต่ำลงนะ เพราะแผนเดิมก็ขยายอยู่แล้ว
- วัตถุดิบสร้างบ้านที่เริ่มขาดแคลน ทำให้ต้นทุนน่าจะสูงขึ้น
วัสดุสร้างบ้านอย่างอิฐกับหลังคาปัจจุบันขาดตลาดจนต้องนำเข้า ยิ่งค่าเงินปอนด์ช่วงนี้ต่ำเพราะเรื่อง Brexit ก็ทำให้ต้นทุนการสร้างบ้านเริ่มปรับสูงขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยที่ดูแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มปรับดอกกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นละ เพราะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ อย่างอเมริกากับสหภาพยุโรปนี่ประกาศชัดเจนแล้วว่าปรับขึ้น ของอังกฤษก็เช่นกัน ด้งนั้นในอนาคตถ้าดอกเบี้ยสูงขึ้น ต้นทุนของเงินกู้ซื้อบ้านก็จะสูงขึ้นด้วย คนก็น่าจะซื้อบ้านน้อยลง
- สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของอังกฤษ ผลมาจากเรื่อง Brexit
ปัจจุบันอังกฤษกำลังจะต้องออกจากสหภาพยุโรปแล้ว แต่เท่าที่ดูคือตกลงเรื่องพวกภาษีนำเข้าส่งออกยังไม่ได้ แปลว่าอนาคตเศรษฐกิจก็ต้องมีผลกระทบบ้างแน่นอน ความไม่แน่นอนเรื่องนี้ยังมีอยู่เยอะมาก ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น
ส่วนตัวผมคือมองว่าเราคงไม่หวังให้บริษัทโตขึ้นอย่างรวดเร็วแบบแต่ก่อน เพราะที่ผ่านมามันมาจากช่วงที่ฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจเลยโตแบบรวดเร็ว แต่สุดท้ายยังไงบ้านที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นอะไรที่ต้องมีอยู่ ในระยะยาวถึงจะผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจแต่มันก็เป็นอะไรที่คนต้องซื้อแน่นอน เราคาดหวังให้ในระยะยาวบริษัททำได้เฉลี่ยคงที่หรือต่ำลงเล็กน้อยน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า
ทีนี้สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือ บริษัท Berkeley ที่ผ่านมาทำได้ค่อนข้างดีมากแม้แต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจก็ยังไม่ขาดทุน และที่สำคัญคือราคาหุ้นในเวลานี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว
กำไรต่อหุ้นปีล่าสุดอยู่ที่ 451p ถ้าใช้กำไรนี้เป็นตัวอ้างอิงสมมติว่าบริษัททำได้ประมาณนี้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยราคาตอนนี้เท่ากับอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้น 12.61% ละ แต่เนื่องจากปีล่าสุดกำไรโตขึ้นเยอะมาก เราเอาเฉลี่ย 3 ปีล่าสุดแทนจะได้ว่ากำไรต่อหุ้นอยู่ประมาณ 332p เทียบกับราคาตอนนี้สมมติว่ากำไรไม่เติบโตทำได้เท่านี้ไปเรื่อยๆ อัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้นก็ยังสูงมากอยู่ที่ 9.28%
Disclosure
ปัจจุบันผมไม่ได้มีหุ้นใน Berkeley Group แต่มีโอกาสสูงมากที่จะลงทุนใน Berkeley Group ในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคาตกต่ำลงมาอีก
ผมเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองและเขียนจากความเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้รับค่าตอบแทนใดหรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆกับบริษัทที่ผมพูดถึงในบทความนี้