ตัวเราเป็นนักลงทุนระดับไหน

What Level of Investor Are You?

หลังจากจัดสัมมนามาซักพักผมพบว่า  นักลงทุนแบ่งเป็น 3 ระดับใหญ่ๆ

  1. กลุ่มไม่ลงทุน

พวกเราที่ลงทุนอยู่วันนี้ก็เริ่มจากกลุ่มนี้หมดแหละ  คงไม่ได้ว่ามีใครเกิดมาลงทุนเลยอยู่แล้วแต่เด็ก

กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับการใช้เงินและคุณภาพชีวิตในปัจจุบันมากกว่าเรื่องสถานะการเงิน  โดยทั่วไปไม่ได้มีความคิดจะลงทุนอะไรเท่าไหร่  ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังไม่เข้าใจความสำคัญของการลงทุน  ไม่เข้าใจว่าการลงทุนยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ  ส่วนใหญ่กลุ่มนี้คิดว่าถ้ามีรายได้เยอะขึ้นเดี๋ยวก็ดีเอง  แต่เอาเข้าจริงถึงเวลาพอมีรายได้มากขึ้น  ก็มักจะใช้เยอะขึ้น  ทำให้ไม่ค่อยมีเหลือเก็บเท่าไหร่    ซึ่งมันก็ไม่ผิดนะถ้าเราอายุ 7 ขวบหรือถ้าวันนี้เราร่ำรวยมีเหลือเฟือแล้ว  แต่ถ้าเรายังไม่ได้มีเหลือเฟือและถึงอายุที่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้ว  ผมว่าเราต้องเริ่มคิดลงทุนจริงจังแล้วล่ะ

  1. กลุ่มไม่อยากยุ่ง (passive)

พวกเราส่วนใหญ่เมื่อโตขึ้นเริ่มต้องรับผิดชอบตัวเองก็มักจะเข้ามาที่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก

ปัจจุบันนี้ทีวีหรือข้อมูลจากสื่อต่างๆมักจะสนับสนุนการลงทุนแบบ passive  และเท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในกลุ่มนี้  วิธีการลงทุนในกลุ่มนี้ก็มักจะเป็นลักษณะ  ลงทุนใน LTF, RMF  ลงทุนในกองทุนรวม  ซื้อหุ้นแบบเฉลี่ยกระจายจำนวนเยอะๆ

การลงทุนระดับนี้เหมาะกับคนที่ชีวิตกำลังยุ่ง  อาจจะยุ่งเรื่องลูก  เรื่องงาน  หรือบางคนกำลังเริ่มธุรกิจส่วนตัว  ซึ่งทำให้คนกลุ่มนี้ไม่มีเวลาจะมาศึกษาลงทุนด้วยตัวเอง

ผลลัพธ์การลงทุนด้วยวิธี passive จะถูกฝากไว้ในมือคนอื่น  ดังนั้นต้องยอมรับอย่างนึงว่ามันก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าและคาดหวังผลลัพธ์ต่ำกว่าคนที่ลงทุนด้วยตัวเองอย่างมีฝีมือ  เพราะเมื่อเราลงทุนโดยฝากการจัดการไว้กับคนอื่นแล้วแปลว่าเราก็ควบคุมอะไรได้น้อยมาก  ถ้าตลาดโดยรวมทำได้ดีหรือผู้บริหารกองทุนทำได้ดี  ก็โชคดีไป  แต่ถ้าไม่ดีเราก็ทำอะไรไม่ได้  และแน่นอนการฝากคนอื่นลงทุนก็จะมีค่าใช้จ่ายพวกค่าธรรมเนียมมากกว่าลงทุนเองด้วย

โดยรวมลงทุนแบบ passive ก็ยังดีกว่าไม่ลงทุนเลย  ผมเชื่อว่าได้ผลด้วยนะ  ถ้าเราเริ่มต้นลงทุนแบบนี้ให้เร็วตั้งแต่อายุน้อย  โดยรวมแล้วปลายทางก็จะออกมาดี  สามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้  เนื่องจากโดยเฉลี่ยที่ผ่านมาแล้ว  ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนรว หรือกองทุนดัชนีหุ้นทำได้ดีเลยแหละ

  1. กลุ่มตัดสินใจเอง (Active)

กลุ่มนี้ต่างจากกลุ่มอื่นตรงที่มีความตั้งใจที่จะลงทุนให้ได้ดีกว่ามาตรฐาน  มีความพร้อมและตั้งใจที่จะเป็นคนควบคุมกำหนดผลลัพธ์ของการลงทุนด้วยตัวเอง

ผลลัพธ์ของการลงทุนกลุ่มนี้อาจจะดีกว่าหรือแย่กว่ากลุ่มอื่นก็ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆ  การที่เราเลือกลงทุนได้ด้วยตังเองทำให้สามารถเยังทำกำไรในช่วงที่ตลาดโดยรวมตกได้  เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวมแล้ว  เราสามารถโฟกัสซื้อหุ้นจำนวนไม่กี่ตัวที่เลือกมาอย่างดีได้  ทำให้ฉวยโอกาสดีๆได้ง่ายกว่า  ในขณะที่กองทุนรวมด้วยความที่ขนาดใหญ่มีเงินที่ต้องบริหารจำนวนมาก  ทำให้ต้องถือหุ้นหลายตัว  และดังนั้นช่วงเวลาที่ตลาดโดยรวมตกยังไงก็จะกระทบ  หรือบางครั้งเห็นโอกาสที่ดีก็ไม่สามารถทุ่มไปซื้อหุ้นตัวเดียวได้

การลงทุนแบบตัดสินใจเองผมเข้าใจดีว่าไม่ได้เหมาะกับทุกคน  เพราะยังไงมันก็ต้องใช้เวลาศึกษาทำการบ้าน  แต่ผมยืนยันว่าคุ้ม  เพราะอัตราผลตอบแทนทบต้นต่างกันปีละ 2-3% ในระยะยาวแล้วส่งผลเยอะมาก

คนลงทุน 100,000 บาท  ทำกำไร 7% ต่อปี  20 ปีต่อมาเค้าจะมีเงิน  386,968 บาท

อีกคนลงทุน 100,000 บาท  ทำกำไร 10% ต่อปี  20 ปีต่อมาเค้าจะมีเงิน  672,750 บาท

จะเห็นว่าต่างกันเกือบเท่าตัว

โดยสรุปแล้วผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเองหมด  มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายของแต่ละคนด้วย  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมจะบอกว่า  ถ้าเป้าหมายคุณเป็นการมองหาอิสรภาพทางการเงิน  และรู้ตัวว่าเป็นคนขยันพร้อมหาความรู้สม่ำเสมอ  คุณควรจะลงทุนด้วยตัวเองนะ  ผมยืนยันว่ามันไม่ได้ยากเย็นเกินความพยายามของเราแน่นอน  และผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกันเยอะเหมือนกันครับ

Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.

Leave a Reply