กลยุทธ์ในการซื้อของเราเป็นยังไง ? ซื้อกี่ไม้ ? ฯลฯ

What is Our Buying Strategy? How Much do We Buy Each Time? And more.

กลยุทธ์ในการซื้อของเราเป็นยังไง ? ซื้อกี่ไม้ ? ฯลฯ

กลยุทธ์ในการซื้อของผมเป็นยังไง ?

หัวข้อนี้มีคนถามผมอยู่หลายครั้ง  เช่นแบ่งไม้ซื้อยังไง  ถ้าซื้อแล้วราคาตกไปอีกซื้อเพิ่มไหม  มีจำกัดมั้ยว่าจะถือหุ้นไม่เกินกี่ตัว  มี Stop Loss มั้ย  ผมก็เลยว่าจะมาตอบอธิบายทั้งหมดนี้ในวีดิโอเดียวไปเลยครับ

แต่ก่อนอื่นผมพูดให้ชัดก่อนว่า  ส่วนตัวผมคิดว่ากลยุทธ์ในการซื้อไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไรมาก  ใครอยากจะทำแบบไหนก็ทำเถอะ  ไอที่ผมทำอยู่ก็ไม่ได้แปลว่าดีหรือสมควรเลียนแบบหรืออะไร  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตรงที่การเลือกสิ่งที่จะซื้อมากกว่า  ถ้าเราซื้อหุ้นมาถูกต้องแล้วธุรกิจมันทำได้ดีขึ้นในอนาคต  ยังไงเราก็จะทำได้ดีไม่ว่าจะซื้อกี่ไม้ยังไง  แต่ถ้าเราพลาดแล้วธุรกิจมันผิดทำได้แย่ลงเรื่อยๆ  ซื้อท่าไหนยังไงก็ไม่ได้ช่วยล่ะครับ

 

ซื้อครั้งแรกซื้อเยอะแค่ไหน ?

ส่วนตัวผมจะขึ้นอยู่กับสองเรื่องคือระดับความไว้วางใจที่มีต่อธุุรกิจที่บริษัททำและเหตุผลที่ทำให้หุ้นมันตก  โดยรวมแล้วถ้าผมชอบลักษณะธุรกิจมากไว้ใจมากก็ซื้อเยอะหน่อย  และถ้าเหตุผลที่ทำให้หุ้นมันตกไม่เกี่ยวกับผลประกอบการของธุรกิจก็จะซื้อเยอะกว่ากรณีที่เหตุผลที่ตกเกี่ยวข้องกับผลประกอบการ

ผมซื้อโดยถือคติว่าจะซื้อครั้งแรกให้เยอะในระดับที่จะ “ไม่มานั่งเสียดายทีหลัง” ครับ  เพราะเคยซื้อแบบกั๊กๆหวังว่าจะซื้อเพิ่มเวลามันตกลงมาอีก  แล้วผลคือไม่ได้ซื้อเพิ่มซื้อได้มาแค่นิดเดียว  ก็จะมานั่งเสียดายทีหลังว่าโอกาสไม่ได้มาบ่อยๆดันซื้อมาน้อยไป  ซึ่งโดยปกติจะประมาณ 10% ของพอร์ต

 

ถ้าราคาตกลงไปอีกซื้อเพิ่มมั้ย ? ตกเท่าไหร่ถึงซื้อเพิ่ม ?

ผมซื้อเพิ่มนะ  ตราบเท่าที่ผลประกอบการของบริษัทยังทำได้ดีหรือผมเชื่อว่าบริษัทจะยังทำได้ดีขึนในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า

เพื่อไม่ให้ตื่นเต้นซื้อเยอะจนเกินไป  ปกติผมจะรอให้ตกกว่าตอนที่ซื้อมาตอนแรกซัก -15% ค่อยซื้อเพิ่ม  แต่ก็ไม่ได้ว่าเข้มงวดมาก  เคยตกลงมาเพิ่มอีก -10% ก็ซื้อเพิ่มแล้วก็มีครับ  ขึนอยู่กับว่าผมเชื่อในธุรกิจนั้นขนาดไหน  และโดยปกติแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าซื้อมาปุ๊บ 2 วันจะราคาตกไป -15% ใช่มั้ยครับ  ส่วนใหญ่แล้วมันก็จะนานซักระยะหนึ่งและปกติเราก็จะมีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นจากงบไตรมาสอยู่แล้วครับ

 

แล้วแบ่งไม้ซื้อยังไง ? ซื้อกี่ครั้ง ?

ปกติผมไม่ได้แบ่งไม้อะไรเป็นพิเศษ  และไม่มีจำกัดจำนวนครั้งที่ซื้อเพิ่มด้วยครับ

ส่วนตัวผมคือ  ตราบเท่าที่เรายังเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทยังทำได้ดีอยู่  ก็จะทำการทยอยซื้อเพิ่มตามโอกาสที่หุ้นตกลงมา  ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะไม่ได้เยอะเท่าที่ซื้อตอนแรกน่ะครับ  อาจจะแค่ครึ่งเดียวของที่ซื้อตอนแรกครับ

แต่สมมติว่าซื้อไปเยอะแค่ไหนก็แล้วแต่  แล้วมาพบว่าพลาด  บริษัทที่ซื้อมาทำได้แย่ลงแบบผิดปกติต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกินปี  ผมก็ยอมรับความผิดพลาดและขายทิ้งทันที  ที่ว่าผิดปกติก็อย่างเช่น

  • อุตสาหกรรมก็ปกติดี คู่แข่งคนอื่นก็ทำได้ดี  มีบริษัทนี้ทำได้ยอดขายตกอยู่คนเดียวเสียส่วนแบ่งการตลาดเยอะๆต่อเนื่องและดูแล้วจะไม่ใช่อะไรชั่วคราว
  • ถ้าผลประกอบการแย่ลงเป็นกันทุกคนเพราะปัจจัยของอุตสาหกรรมนั้น แต่ผู้บริหารดันพยายามพูดให้ดูดี  แบบนี้ผมจะขายแน่นอน  ทันทีหรือรอก็แล้วแต่  แต่ขายแน่นอน

 

มี Stop Loss มั้ย ?

ไม่มีลักษณะที่ว่าตกต่ำจากราคาที่ซื้อตอนแรกกี่ % แล้วจะขาย  ล่าสุดมีหุ้นที่ตก -50% จากตอนแรกที่ซื้อผมก็ยังซื้อเพิิ่มอยู่เพราะเชื่อว่าเป็นผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวครับ  ขายก็ต่อเมื่อเชื่อว่าเข้าใจธุรกิจมันผิดคลาดเคลื่อนไปรุนแรงเท่านั้นและถ้าแบบนั้นคือขายหมดไม่สนว่าราคาตอนนั้นอะไรเท่าไหร่

 

ถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้นเลย  จะรอไปนานมั้ย ?

ถ้าธุรกิจทำได้ดีขึ้นตามที่คาดนี่ผมสบายใจละ  แบบนี้รอไปได้นานมากเลยครับ  อย่างน้อย 5 ปีนี่เป็นอะไรที่สบายมากไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นหรือจะนานกว่านั้นก็ได้  ขอให้ธุรกิจมันทำได้ดีขึ้นจริงๆต่อเนื่องปกติมันไม่ได้ต้องรอนานอะไรขนาดนั้นหรอกครับ  แต่ที่ต้องรอ 3-4 ปีผมก็เคยเกิดขึ้นนะ  ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด

 

ที่รอนานๆนี่คือจำเป็นต้องเป็นุหุ้นที่มีปันผลมั้ย ?

ก็ไม่ได้เกี่ยวนะครับ  คือจะมีหรือไม่มีปันผลก็รอได้  เพราะการที่มันไม่ได้มีปันผลออกมาให้เลยในระหว่างที่รอเลยไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ได้อะไรเลยนะ

ถ้าบริษัทไม่ได้ปันผลกำไรออกมาแต่เก็บเอาไว้ลงทุนอย่างอื่นต่อแล้วทำให้กำไรบริษัทเติบโตขึ้นได้  สุดท้ายมันก็จะออกมาเป็นกำไรต่อหุ้นที่ดีขึ้นและก็จะทำให้เราได้กำไรจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น  เพราะสมมติในอนาคต P/E ของหุ้นนี้คงที่แต่กำไรต่อหุ้นที่สูงขึ้นก็จะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น  ดังนั้นแปลว่ากำไรที่บริษัททำได้  ไม่ว่าจะจ่ายออกมาเป็นปันผลหรือไม่ได้จ่ายแล้วเก็บไว้ลงทุนต่อทำให้กำไรดีขึ้น  มันก็จะมาถึงมือเราในที่สุดอยู่ดีครับ

 

แล้วถ้ากำไรล่ะ  ซื้อเพิ่มมั้ย ?

กำไรปกติจะไม่ได้ซื้อเพิ่มครับ  ก็มันแพงขึ้นแล้วอ่า

สรุปมันก็ประมาณนี้ครับ  จะบอกว่าที่ราคาตกแล้วซื้อเพิ่มแล้วตอนจบกำไรโคตรดีก็มี  อันที่พลาดต้องขายขาดทุน -50% ก็มี  สำคัญสุดมันขึ้นอยู่กับตัวธุรกิจนะผมว่า  ถ้าเราเดาถูกว่าบริษัทในอนาคตจะทำได้ดีทุกอย่างมันจะดีเองครับ  ซื้อ strategy ยังไงก็ได้แหละแล้วแต่คนชอบเลย

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg