ทำไมกูรูหุ้นแต่ละคน แนะนำไม่เหมือนกัน ??
เป็นอะไรที่ก็สมควรงงอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เพิ่มเริ่มศึกษา สาเหตุที่คนแนะนำไม่เหมือนกันไม่ใช่เพราะว่าคนนึงถูกอีกคนผิดนะ หลักๆแล้วเป็นเพราะเค้ามาจากพื้นฐานความเชื่อคนละแบบและวัตถุประสงค์ในการลงทุนไม่เหมือนกันครับ
โดยไอเดียแล้วนักลงทุนในตลาดจัดกลุ่มออกมาจะพบว่ามาจาก 3 พื้นฐานความเชื่อหลักๆครับ
- กลุ่มพื้นฐาน
- กลุ่มเทคนิค
- กลุ่มเฉลี่ย
พื้นฐานความเชื่อ หุ้นมันคือธุรกิจ จะช้าหรือเร็วสุดท้ายราคาหุ้นในตลาดก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการที่ทำได้และคาดว่าจะทำได้ในอนาคตของบริษัทนั้นๆ
กลยุทธ์คืออะไร พยายามประมาณการผลประกอบการในอนาคตด้วยการศึกษาธุรกิจและงบการเงิน หลังจากนั้นสรุปให้ได้ว่ามูลค่าที่มองว่าเหมาะสมของหุ้นนั้นอ้างอิงจากผลประกอบการในอนาคตที่คาดการณ์ไว้คือเท่าไหร่ แล้วซื้อหุ้นถ้าราคา ณ ปัจจุบันต่ำกว่าราคาที่มองว่าเหมาะสมพอสมควร
เน้นดูอะไร ธุรกิจทำอะไร, แนวโน้มธุรกิจ, หนี้สินเยอะมั้ย, อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อรายได้, ROE, P/E, มูลค่ายุติธรรม, ฯลฯ
เป้าหมายคืออะไร คาดหวังกำไรระยะยาวหน่อยเพราะต้องใช้เวลากว่าราคาในตลาดจะกลับมาหาราคาที่เหมาะสม บางครั้งใช้เวลาหลายปี คาดหวังกำไรจากทั้งปันผลและราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น อาจจะถือยาวไปเรื่อยแม้ว่าราคาหุ้นกลับขึ้นมาแล้วเพราะธุรกิจถ้าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆทั้งปันผลและราคาหุ้นก็จะดีขึ้นตาม
พื้นฐานความเชื่อ การอ่านงบการเงินไม่ช่วยอะไรเพราะคนอื่นก็อ่านได้เหมือนกัน ราคาหุ้นมันสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆอยู่แล้ว สุดท้ายราคาหุ้นขึ้นอยู่กับความต้องการของคนในตลาดอยู่ดี
กลยุทธ์คืออะไร พยายามคาดเดาพฤติกรรมของคนในตลาด เชื่อว่าคนเรามักจะมีพฤติกรรมเป็นรูปแบบเดิมๆดังนั้นจะมีรูปแบบที่สังเกตและเอามาใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเดาได้ว่าคนอื่นในตลาดจะทำอะไรแล้วขยับเร็วเพียงพอก็จะทำกำไรได้
เน้นดูอะไร การเคลื่อนไหวของราคา, ปริมาณการซื้อขาย, แนวรับ, แนวต้าน, ฯลฯ
เป้าหมายคืออะไร คาดหวังกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วคาดหวังผลในระยะเวลาไม่นาน ภายใน 1 วันก็มี และส่วนใหญ่นานที่สุดก็ไม่เกิน 1 ปี จะขายเมื่อมีสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าได้เวลาขาย
พื้นฐานความเชื่อ ไม่มีใครคาดเดาตลาดได้จริงๆหรอก ตลาดเป็น random walk ที่เห็นมีคนทำได้ดีนี่มันคือเป็นส่วนน้อยมากหรือก็คือฟลุค และดังนั้นอย่าไปเสียเวลานั่งเดา
กลยุทธ์คืออะไร ลงทุนในหุ้นแบบกระจาย ไม่พยายามเลือกหรือเดาจังหวะเข้าซื้ออะไรทั้งนั้นไม่สนใจอารมณ์ตลาด
เน้นดูอะไร อย่างมากคือเลือกว่าจะลงทุนแบบกระจายในหุ้นอะไรบ้าง
เป้าหมายคืออะไร ให้กำไรได้เท่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของหุ้นที่ลงทุนไป ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นอย่างพวกค่าธรรมเนียม โดยปกติแล้วก็คาดหวังผลระยะยาว
จะเห็นว่า 3 ไอเดียนี้มันมีพื้นฐานความเชื่อไม่เหมือนกัน ดังนั้นมันก็เลยทำให้เวลาเค้าพูดเรื่องหุ้นมันถึงฟังเหมือนแนะนำไปคนละทิศคนละทางให้เหตุผลคนละแบบ ผมแนะนำให้เราตัดสินใจให้เรียบร้อยก่อนว่าเราลึกๆแล้วเห็นด้วยไปในทิศทางไหนก่อนไม่งั้นมันจะงงมาก
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg