เมื่อเรารู้แล้วว่าตลาดหุ้นเป็นตลาดที่ไว้ซื้อขายความเป็นเจ้าของกิจการ ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดก็เกิดจากการมีคนอยากซื้อหรือขายหุ้นที่ราคาต่างๆ มันเป็นเหมือนผลรวมของทัศนคติของทุกคนที่มีต่อหุ้นแต่ละตัว เพราะในทุกๆราคาที่มีการซื้อขายจะต้องมีทั้งคนที่ต้องการขายและคนที่ต้องการซื้อที่ราคานั้น นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่จะต้องมีคนหนึ่งได้เปรียบและคนหนึ่งเสียเปรียบ
ลองนึกดูเล่นๆ สมมติมีนักลงทุนที่มีฝีมือมากเลย สามารถซื้อหุ้นได้ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริงและขายหุ้นเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่าที่เป็นจริงได้อย่างแม่นยำ แปลว่า
เวลาซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริง แปลว่าคนที่ขายให้เค้า ขายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริง
เวลาขายหุ้นในราคาสูงกว่ามูลค่าที่เป็นจริง แปลว่าอีกคนฝั่งหนึ่งที่ซื้อไป ซื้อหุ้นไปในราคาที่สูงเกินมูลค่าที่เป็นจริง
มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะถูกต้องทั้งสองฝ่ายใช่มั้ยครับ
เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราต้องการที่จะทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไปในตลาดหุ้น นั่นหมายความว่าเราต้องเป็นคนที่แม่นยำเหนือกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น และขอให้เข้าใจไว้ว่าทุกการตัดสินใจลงทุนของเราที่ทำได้ดีกว่าเฉลี่ย แปลว่าฝั่งที่ตัดสินใจทำตรงข้ามกับเราก็จะทำผลตอบแทนได้แย่กว่าเฉลี่ย และในทางกลับกันถ้าเราไม่ขยันไม่ตั้งใจแล้วเข้ามาลงทุนสุ่มๆ เราก็จะกลายเป็นคนที่แม่นยำน้อยกว่าค่าเฉลี่ยและได้ผลตอบแทนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ในขณะที่การตัดสินใจของเราไปช่วยให้ฝั่งที่ทำตรงข้ามกับเรากำไรดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
แต่สบายใจได้อย่างหนึ่งนะ อย่างน้อยโดยรวมทุกคนในตลาดภาพรวมจะกำไร เนื่องจากตลาดหุ้นในระยะยาวแล้วมันเป็นไปตามสภาพของเศรษฐกิจของประเทศ ผลตอบแทนโดยรวมแล้วก็จะทำได้ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น เพียงแต่จะทำได้ดีแบบปกติ ดีกว่าปกติ หรือแย่กว่าปกติ อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราละครับ