โอเคคำถามประมาณนี้ผมก็เจอบ่อยอยู่เหมือนกัน แล้วมันจะตกไปอีกมั้ย ซื้อได้ยัง ซื้อแล้วจะขึ้นมั้ย บางท่านถึงกับโทรมาถามความเห็นเป็นรายตัวเลยทีเดียว บางทีการที่หุ้นตกแล้วจะตัดสินใจว่าซื้อดีมั้ยนี่ก็เครียดเอาเรื่องเหมือนกัน ผมเข้าใจดีเพราะผมก็เป็นครับ วันนี้เลยอยากจะให้แนวทางการตัดสินใจสไตล์ผมเอาไว้ เผื่อถ้าท่านผู้อ่านไม่รู้จะไปถามใครได้ลองอ่านดู แล้วถ้าคุณอ่านแล้วชอบคุณก็ตัดสินใจไปตามนี้จะได้ไม่ต้องเครียด เริ่มต้นจากทำใจนิ่งๆสงบสติอารมณ์ก่อน การตัดสินใจผิดพลาดส่วนใหญ่มาจากการแห่ตามอารมรณ์เหนือเหตุผลนี่แหละครับ จากนั้นเริ่มพิจารณาไปตามขั้นตอนนี้เลย
-
เช็คอีกทีนึงซิ ว่าหุ้นที่เรากำลังจะตัดสินใจซื้อนี่ คุณมีความเข้าใจกิจการ กิจการจัดเป็นกลุ่มที่ดี ผลประกอบการสม่ำเสมอ แลดูมีอนาคตใช่หรือไม่
-
ถ้าใช่มั้งหมด รีบไปพิจารณาข้อต่อไปด่วน
-
ถ้ากิจการแค่พอใช้ แต่ผลประกอบการสม่ำเสมอ ก็ไปพิจารณาข้อต่อไป
-
ถ้าเป็นกิจการกลุ่มห่วย เลิกดูซะตรงนี้เลยครับ ไปทำอย่างอื่นดีกว่าครับ
-
ถ้าเป็นกิจการกลุ่มดี แต่ผลประกอบการแย่แบบสม่ำเสมอ หรือเหวี่ยงไปมารุนแรง กำไรบ้างขาดทุนบ้าง เลิกทันทีเหมือนกัน ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
ถ้าคุณไม่มีความเข้าใจกิจการ ไม่รู้เค้าทำอะไรขายอะไรขายอย่างไร คู่แข่งเป็นใครบ้าง รู้แต่ตัวย่อหลักทรัพย์ อันนี้แนะนำให้รีบไปทำความเข้าใจมาก่อนครับ แล้วกลับมาเริ่มดูใหม่
-
ถ้าคุณไม่รู้ว่ากิจการที่ดีหรือห่วยแยกแยะจากอะไร แต่ดูผลประกอบการดีสม่ำเสมอ และถ้าคุณต้องการลงทุนให้ได้ผลเลิศ ผมแนะนำให้คุณไปศึกษาประเด็นนี้เพิ่มเติมให้ละเอียดหน่อยครับ จะลงเรียนกับผมหรือกับใครก็แล้วแต่
-
-
เช็คดูดีๆก่อน ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นตกลงมานี้ เป็นเพราะอะไร แล้วส่งผลอะไรกับผลประกอบการของกิจการหรือไม่
-
ถ้าไม่ส่งผลอะไร ตลาดตกใจไปเอง ผู้คนเมาขาดสติ ถือว่าเยี่ยมมาก รีบไปข้อต่อไป
-
ถ้าส่งผลสั้น ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลละ แต่เอาให้แน่ๆนะว่าเป็นช่วงสั้นๆจึงรีบไปข้อต่อไป
-
ถ้าส่งผลยาว อันนี้คุณต้องเอาไปประกอบการประมาณการเลยนะ
-
ถ้าไม่สามารถประมาณการผลกระทบเป็นเชิงปริมาณได้ งั้นก็เลิกพิจารณา อย่าไปเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยครับ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
ถ้าทำการประมาณการได้ งั้นก็เอาไปประกอบการคำนวนในข้อต่อไป
-
-
ทำการประมาณการผลประกอบการของกิจการ เพื่อกำหนดราคาเป้าหมาย
-
กรณีที่ข้อแรกผ่านเกณฑ์ทั้งหมด แนะนำให้ใช้การประมาณการผลตอบแทนด้วยค่าเฉลี่ย ใช้ทุกอย่างให้เป็นเฉลี่ยให้หมด พยายามใช้อัตราส่วนและตัวคูณอะไรก็ตามแบบเป็นกลางเอาไว้ครับ แล้วไปข้อต่อไป
-
กรณีที่เป็นกิจการพอใช้ แนะนำให้มองแบบคนขี้ระแวงเอาไว้ก่อน ประมาณการใดๆให้ใช้ค่าเฉลี่ยเอียงไปทางต่ำครับ แล้วไปข้อต่อไป
-
ถ้าไม่รู้จะประมาณการอย่างไร แต่ต้องการลงทุนจริงจังให้ได้ผลที่ดี ผมแนะนำให้ไปเรียนรู้การทำเรื่องนี้อย่างด่วน ส่วนตัวผมมีสอนคอร์สเรื่องนี้โดยตรง แต่คุณจะเรียนกับผมหรือใคร สุดท้ายคุณต้องเอาให้รู้เรื่องนี้ให้ได้ ประเมินราคาไม่ได้นี่เสียเปรียบเลยนะพูดตามตรง คือจะซื้อหรือจะขายมันจะกลายเป็นเดาสุ่มไปเลยครับถ้าคุณขาดความเข้าใจ
-
-
เทียบดูซิ ว่าราคาตอนนี้ต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาเป้าหมายหรือยัง
-
ถ้าไม่ใช่ แล้วราคาตอนนี้สูงกว่าอยู่เยอะ ก็ยังไม่ซื้อสิครับ ไม่ต้องคิดละ
-
ถ้าไม่ใช่ แล้วราคาตอนนี้สูงกว่านิดหน่อย ก็ยังไม่ซื้อ แต่จับตามองไว้อย่างใกล้ชิดเลยนะ
-
ถ้าใช่ และเป็นกรณีข้อแรกผ่านเกณฑ์มาทั้งหมด คุณรีบซื้อเลยครับ เรียกว่าซื้อให้ได้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ขายรถขายบ้านซื้อเลยครับ เอามากที่สุดที่คุณเห็นควรละกัน แล้วแนะนำให้ถือไปยาวๆด้วยครับ รวยซ้ำซ้อนครับกรณีแบบนี้
-
ถ้าใช่ และเป็นกรณีกิจการดีพอใช้ ซื้อครับ
-
-
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อันนี้มันจะช่วยให้การตัดสินใจของคุณเป็นระบบมากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายผมจะบอกว่าการตัดสินใจเราจะให้มันมีประสิทธิภาพนี่ มันนอกจากจะต้องเป็นระบบระเบียบมีสติแล้ว คุณก็ควรจะต้องมีฝีมือมีความเข้าใจที่ดีด้วย ถ้าไหนๆคุณจะลงทุนในหุ้นแล้ว ผมเชื่อว่าคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดีมีชีวิตดีขึ้น กรุณาใส่ใจกับการเรียนรู้และศึกษาด้านนี้จริงจังเถอะครับ สวัสดีครับ