ในสถานการณ์ผิดปกติอย่างสงครามยูเครน เราจะมีวิธีบริหารความเสี่ยงยังไง ?
มีคนตั้งคำถามว่าในเคสเหตุการณ์ไม่ปกติอย่างเช่นสงครามในยูเครน เราจะบริหารความเสี่ยงยังไงดี
เวลามันมีเหตุการณ์ไม่ปกติแบบสงครามในยูเครนนี่สถานการณ์มันจะเปลี่ยนเร็วมาก บางทีข่าววันนึงบอกถอนทหาร อีกวันนึงบอกสั่งบุก มันก็ทำให้มีความผันผวนสูงจริง แล้วเราจะมีวิธีการจัดการกับความเสี่ยงอารมณ์แบบนี้ยังไงได้บ้าง
ผมก็มานั่งนึกนะ แล้วก็คิดว่ามันทำได้อยู่ 4 แบบ
1. คาดเดาแล้วก็เสี่ยงเลย
วิธีการนี้คือพยายามเดาเหตุการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เดาว่ามันจะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นหรือกับสินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภทยังไงบ้าง แล้วก็ลงทุนแบบดักทางไว้ก่อน ซึ่งถ้าทำได้ถูกต้องนี่มันจะเป็นอะไรที่เท่มาก
แต่กลับกันก็อาจจะผิดได้เช่นกัน และก็อาจจะกลายเป็นเละแทนที่จะดี การเดาแล้วเสี่ยงเลยจึงเป็นอะไรที่เสี่ยงมากอยู่และผมว่าไม่ได้เหมาะกับเราเท่าไหร่
2. ปลอดภัยไว้ก่อน
อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้ คือบางคนก็นิยมที่จะขายออกมาแล้วถือเงินสดรอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที
อาการแบบนี้จริงๆลึกๆก็คือกำลังตัดสินใจบนความกลัวนั่นแหละ
ถ้าสุดท้ายเหตุการณ์มันกลายเป็น worst-case เลย พวกนี้ก็จะหล่อขึ้นมาทันที เพราะจะดูฉลาดมากที่ทำการขายออกมาก่อน แต่ปัญหาคือโดยปกติแล้วเหตุการณ์ในโลกมันมักจะไม่ไปสุดโต่ง worst-case ขนาดนั้นไง บางทีตลาดมันก็เหมือนแกล้งเรานึกออกมะ มันจะมีเรื่องบ้าบออะไรไม่รู้เกิดขึ้นเป็นระยะ เดี๋ยวๆโควิด ซักพัก Fed ซักพักอสังหาจีนเจ๊ง ซักพักสงคราม อะไรแบบเนี้ย สรุปคือคนกลุ่มนี้กลายเป็นแทบจะนั่งอยู่ขอบสนามอยู่นอกตลาดอย่างเดียวเลย หลายครั้งกลายเป็นพลาดโอกาสไป
3. นิ่งไว้มองระยะยาว
หลักๆแล้วคือยอมรับซะว่าเราไม่สามารถเดาอนาคตโดยเฉพาะระยะสั้นได้ ดังนั้นมองไปไกลๆดีกว่าแล้วถามว่าเหตุการณ์นี้มันจะส่งผลระยะยาวหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็จะไม่ใช่ และคนที่ทำแบบนี้ก็จะถือเงินลงทุนที่มีอยู่แล้วต่อไป
วิธีการนี้ส่วนใหญ่คนจะทำไม่ค่อยได้ หลักฐานส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าคนจะตกใจในช่วงวิกฤติรวมถึงพวกที่ตอนนี้ปากบอกว่าลงทุนระยะยาวนะรับความเสี่ยงได้นะก็ตาม ก็เข้าใจได้เพราะไม่มีใครชอบเห็นเงินเก็บทั้งชีวิตของตัวเองลดไป -50% และส่วนใหญ่พอตกใจก็จะทำแบบปลอดภัยไว้ก่อน แล้วก็เลยจะพลาดช่วงที่มันฟื้นครับ
4. กลับมามองมูลค่าหุ้น
ไอเดียคือกลับมามองที่ตัวบริษัทว่าได้รับผลกระทบยังไงบ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามมองมูลค่าพื้นฐานหุ้นเทียบกับราคาหุ้นที่ตกลงมานั่น แล้วก็ตัดสินใจตามนั้น
วิธีแนวนี้ก็เป็นเหตุเป็นผลดีแหละ แต่ทำยากเช่นกัน คือมันต้องหัดเลยนะ อดทนไม่ขายก็เรื่องนึงแต่กระโดดเข้าไปลงทุนด้วยเลยนี่ทำได้ยากอยู่ ต้องใช้ความมีสติเป็นเหตุเป็นผลและมีวินัยมากทีเดียว
น่าจะเดาได้อยู่แล้วว่าผมจะชอบวิธีการที่สามกับสี่ มันคือการควบคุมสติตัวเองให้มองเหตุการณ์แบบใช้เหตุผลจริงๆไม่ตัดสินใจบนความกลัว ถ้าทำได้ดีนอกจากเราจะไม่ขายด้วยความกลัวแล้ว หลายครั้งเราจะเห็นโอกาสที่คนอื่นไม่เห็นด้วยครับ
สุดท้ายคือผมอยากจะเตือนว่าไม่มีสินทรัพย์อะไรที่ไม่มีความเสี่ยงเลย การขายแล้วออกมารอก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เสี่ยงนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เงินเฟ้อสูงขนาดนี้ การออกมาถือเงินสดนี่ก็มีต้นทุนอยู่นะครับ