As of July 15, 2017 ราคาหุ้นอยู่ $77.93
CVS Health เป็นอีกหนึ่งบริษัทในอุตสาหกรรมสุขภาพในอเมริกาที่ราคาตกลงมารุนแรง ทั้งที่เป็นบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจที่ได้เปรียบมาก วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำให้รู้จักครับ
CVS Health
ลักษณะธุรกิจ
CVS Health เป็นบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ มีสองธุรกิจหลักที่มีความเกื้อหนุนต่อเนื่องกันคือ
ธุรกิจแรกคือการขายปลีกยา CVS Health มีร้านขายยาอยู่มากกว่า 9,700 สาขาทั่วประเทศอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกยาอยู่ประมาณ 23% ของทั้งประเทศ ปัจจุบันอยู่เป็นอันดับ 2 รองจากอับดับหนึ่งคือ Walgreens Boots Alliance
อีกธุรกิจนึงคือเป็น Pharmacy Benefit Manager (PBM) ด้วย ธุรกิจประเภทนี้ไม่มีในไทยเลยอาจเข้าใจยากนิดนึง แต่เอาง่ายๆคือบริษัทนี้บริหารจัดการเรื่องการจ่ายยาพยายามทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องยาลดลง โดยเป็นตัวกลางระหว่างบริษัทประกันสุขภาพกับผู้เอาประกันที่เป็นคนใช้ยา ทำหน้าที่ต่างๆเช่น ต่อรองส่วนลดราคายากับบริษัทผู้ผลิต, ทำการจัดส่งยาถึงผู้ใช้, บริหารจัดการร้านยาในเครือ อะไรประมาณนี้ ก็เลยเป็นธุรกิจที่มีอำนาจมากเพรามีฐานคนใช้ยาจำนวนมากอยู่ในมือ ปัจจุบัน CVS Caremark ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ
แล้วที่ผ่านมาเป็นไง
เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอน CVS รวมกับ Caremark ตอนปีแรกๆก็อาจดูบริหารงานติดขัดบ้าง แต่หลังจากนั้นที่ผ่านมาทำได้ดีขึ้นมาก ธุรกิจกลุ่มนี้แทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2008 และช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ทำได้ดีขึ้น กำไรเติบโตขึ้นเยอะมาก
บริษัทนี้มันพิเศษตรงที่ตัวเองเป็นทั้งตัวกลางบริหารจัดการจ่ายยา แล้วก็มีระบบร้านขายยาของตัวเองเลยด้วย สามารถให้ลูกค้าไปรับยาที่ร้านยาตัวเองได้ เป็นการเอื้อธุรกิจกันเองอีก
มีความได้เปรียบทั้งในเรื่องการต่อรองราคายากับผู้ผลิตเนื่องจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีในมือ และต้นทุนส่วนกลางบริหารจัดการที่ถูกลงต่อหน่วยตามฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น วัดได้จากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นอันดับต้นๆเทียบกับบริษัทประเภทเดียวกัน
โดยสรุปคือที่ผ่านมาทำได้ดีมาก มาจากความต้องการอุตสาหกรรมนี้เติบโตอยู่แล้ว บวกกับความได้เปรียบของโมเดลธุรกิจของบริษัทด้วย
ทำไมตอนนี้ถึงน่าสนใจ
ที่ราคามันตกรุนแรงคือตอน Donald Trump ประกาศว่าจะหาวิธีลดราคายา คนเลยกลัวว่าบริษัทอย่าง CVS Health จะโดนจัดการหรือเปล่า
แต่จากมุมมองผมคือรัฐบาลถ้าจะจัดการน่าจะจัดการบริษัทยาที่เป็นพวกผู้ผลิตยามีลิขสิทธิ์มากกว่า เพราะพวกนั้นอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าเยอะ
ดังนั้นมองไปในอนาคตก็ยังเชื่อว่าบริษัทนี้มีอำนาจในการบังคับผู้บริโภคอยู่มาก และเป็นอุตสาหกรรมที่โตตามตลาดคนสูงอายุซะด้วย เลยเชื่อว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจอยู่ในเวลานี้