แบบทดสอบ : คุณเป็น VI แค่ไหน ?
เร็วๆนี้ผมไปทำ Quiz ของ Schroders บริษัทบริหารจัดการลงทุนในอังกฤษแล้วรู้สึกว่าสนุกดีก็เลยแปลบางส่วนมาให้ลองทำดูครับ
- สำหรับนักลงทุนสาย VI “ความเสี่ยง” สอดคล้องกับข้อใดต่อไปนี้ ?
- ความผันผวนคือความเสี่ยง
- หุ้นที่ราคาถูกมีความเสี่ยงสูงเสมอ
- ความเสี่ยงคือโอกาสที่จะสูญเสียเงินต้นอย่างถาวร
- เวลาตัดสินใจลงทุนในหุ้น นักลงทุนสาย VI มองระยะยาวแค่ไหน
- 1 เดือน
- 1 ปี
- 3-5 ปี
- ปัจจัยอะไรสำคัญต่อผลตอบแทนการลงทุนที่สุด
- ราคาที่ซื้อ
- โอกาสการเติบโตของบริษัท
- สภาพเศรษฐกิจ
- เงินเฟ้อกับอัตราดอกเบี้ยสำคัญแค่ไหน
- สำคัญเพราะปัจจัยพวกนี้เกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจ
- อัตราดอกเบี้ยสำคัญ เงินเฟ้อไม่สำคัญ
- ไม่สำคัญทั้งคู่
- บริษัทปรับคาดการณ์ผลประกอบการลง -10% ราคาหุ้นของบริษัทเลยตกไป -30% สิ่งที่เราควรทำคือ …
- ซื้อหุ้นทันทีเพื่อให้ได้ราคาใหม่ที่ถูกลงเยอะแล้วนี้
- ขายหุ้นทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ราคามันจะตกลงไปอีก
- ศึกษาข้อมูลที่บริษัทประกาศและดูว่ามันทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
- หุ้นขึ้นมา 30% ในช่วงเดือนเดียว ตลาดคาดว่าบริษัทจะเติบโต 100% และราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความคาดหวังนี้แล้ว สิ่งที่เราควรทำคือ …
- ซื้อหุ้นเนื่องจากมันมีโมเมนตัมชัดเจน
- อย่าซื้อเพราะกรณีนี้ไม่เข้าข่ายหุ้นราคาถูก
- ซื้อเพราะถ้ากำไรของบริษัททำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดราคานี้ก็ถือว่าถูก
- สมมติว่าธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย สิ่งที่เราควรทำคือ …
- ปรับพอร์ตการลงทุนให้จะได้ประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ขายหุ้น เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้โดยรวมคนอยากลงทุนในหุ้นน้อยลง
- ไม่สนใจ ให้ความสำคัญกับการซื้อหุ้นในราคาถูกต่อไป
ถ้าอิงตามที่เรียนมาในห้องเรียน “ความเสี่ยง” มันจะวัดด้วยความผันผวน แต่สำหรับนักลงทุนสาย VI แล้ว “ความเสี่ยง” คือโอกาสที่จะสูญเสียเงินต้นอย่างถาวรต่างหาก โดยปกติแล้วมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่เราเห็นราคามีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในระยะสั้นมันเป็นตัวบ่งชี้ถึงอารมณ์ของคนในตลาดมากกว่า ที่จริงแล้วความผันผวนเป็นสิ่งที่สร้างโอกาสให้กับนักลงทุนระยะยาวด้วยซ้ำ
การลงทุนในหุ้นแบบ VI คือมองหาหุ้นที่ราคาตอนนี้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งโดยปกติมันต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าตลาดจะเริ่มมองเห็นมูลค่าของบริษัทและราคาหุ้นเริ่มสูงขึ้นมาหามูลค่าที่แท้จริง
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนมากที่สุดคือราคาที่ซื้อ โอกาสการเติบโตของบริษัทกับสภาพเศรษฐกิจมันเป็นเรื่องที่นักลงทุนควบคุมไม่ได้ และต่อให้โอกาสการเติบโตของบริษัทไม่สูงกับสภาพเศรษฐกิจไม่ดีแต่ถ้าได้ซื้อในราคาที่ต่ำเพียงพอมันก็ยังเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาวได้
ทั้งสองปัจจัยเป็นอะไรที่เราไม่สามารถรู้อะไรล่วงหน้าได้ การไปคิดถึงมันไม่เกิดประโยชน์อะไรและการตัดสินใจลงทุนของเราไม่ควรให้ปัจจัยพวกนี้มามีผลกระทบ
นักลงทุน VI มองการลงทุนระยะ 3-5 ปี การตอบสนองทันทีกับสิ่งที่อาจจะเป็นเรื่องระยะสั้นไม่สอดคล้องกับแนวการลงทุน สิ่งที่ควรทำคือใจเย็นๆแล้วทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินว่าพื้นฐานของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดรุนแรงหรือเปล่า แล้วจึงค่อยคิดว่าต้องซื้อหรือขายอะไรมั้ย
หุ้นนี้ราคาสูงขึ้นมามากจากความคาดหวังว่าบริษัทจะทำได้ดีขึ้น 100% เป็นอะไรที่เยอะมากแล้ว ไม่เข้าข่ายธุรกิจที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ไม่เหมาะกับการลงทุนสาย VI
ปัจจัยพวกนี้ไม่แน่นอนคาดเดาไม่ได้และไม่ควรให้มันมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของเรา
เป็นไงบ้างครับ เราเป็นนักลงทุน VI ขนาดไหนกันบ้างครับ ?
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/
หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg